กางแผนจัดหาวัคซีนโควิด ‘บิ๊กตู่’ เพิ่มเป้า 200 ล้านโดส เปิดทางเอกชน ขอควบคุมราคา

เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ เพิ่มเป้าจัดหาวัคซีน 200 ล้านโดส จะแบ่งซื้อยี่ห้อไหน-เท่าไร-อย่างไร

วันที่ 8 พฤษภาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด จะปรับแผนการเจรจาหาซื้อวัคซีนกันอย่างไรบ้าง จะเป็นยี่ห้อไหน จำนวนเท่าไร และเอกชนจะช่วยจัดหาได้มากน้อยแค่ไหน หลังจากล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้จัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเป็น 150-200 ล้านโดส จากเดิมที่ตั้งเป้าจัดหาให้ได้ 100 ล้านโดสเพื่อฉีดให้ประชาชนกว่า 50 ล้านคน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ” PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าตอนหนึ่งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในการโอนอำนาจตามกฎหมาย 31 ฉบับมาที่นายกรัฐมนตรี ทำให้สามารถออกคำสั่ง อนุมัติ สั่งการ แก้ไขสถานการณ์ได้โดยตรง เพื่อให้การจัดการและแก้ไขสถานการณ์เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อพิจารณาสถานการณ์ในภาพรวมที่เกิดขึ้นทั่วโลก เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ไม่น่าจะหายไปได้โดยเร็ว สิ่งที่ต้องทำเรื่องแรกคือต้องเพิ่มจำนวนวัคซีนในมือให้มากกว่านี้ วันนี้สั่งการไปแล้วว่าควรหาวัคซีนเพิ่มเติมให้มีถึง 150 ล้านโดสหรือมากกว่านั้น แม้ว่าบางส่วนอาจจะส่งมอบให้ในปี 2565ก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการรับความเสี่ยงเรื่องวัคซีนต่อไป ปัจจุบันได้ตั้งเป้าไว้เดิมจัดซื้อวัคซีน 100 ล้านโดส แต่คิดว่าเท่านั้นยังไม่พอ ดังนั้นควรจะต้องมีวัคซีนให้เพียงพอสำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศไทยมีประชากรผู้ใหญ่อยู่ประมาณ 60 ล้านคนเท่ากับว่าจะต้องมีวัคซีนอย่างน้อย 120 ล้านโดส

“ต้องมีวัคซีนเผื่อไว้เพียงพอสำหรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ด้วยอาจจะต้องถึง 150-200 ล้านโดสในระยะต่อไป โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานทำงานเชิงรุก เจรจากับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้วัคซีนเพิ่มขึ้น ได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนถึง 7 ราย และจะมีการเจรจาเพิ่มเติมอีกรวมถึงวัคซีนใหม่ๆจากผู้ผลิตรายใหม่ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Advertisement

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้หารือร่วมกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตระบุว่าจะสำรองการผลิตวัคซีนไฟเซอร์ 10-20 ล้านโดส สามารถส่งมาได้ช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ ทั้งนี้ เราเร่งรัดให้บริษัทเตรียมเอกสารการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) โดยบริษัทผู้ผลิตระบุว่าจะส่งเอกสารภายหลังบรรลุข้อตกลงร่วมกันสำเร็จ และยืนยันว่าบริษัทมีนโยบายขายวัคซีนผ่านภาครัฐบาลก่อน

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนฯที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน หารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดหาวัคซีนสำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน โดยที่ประชุมเห็นว่าควรกำหนดให้วัคซีนเป็นสินค้าควบคุม สถานพยาบาลภาคเอกชนควรคัดเลือกวัคซีนโควิดทางเลือกที่มีคุณลักษณะหรือยี่ห้อที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564

Advertisement

“ที่ประชุมคณะทำงานฯ ยังสรุปการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับภาครัฐ ประกอบด้วย Pfizer, Sputnik V และ Johnson & Johnson และในการจัดหาวัคซีนของสถานพยาบาลเอกชนนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรเป็นวัคซีนในรายการอื่นๆ ที่ไม่ได้ให้บริการโดยภาครัฐ เพื่อให้เป็นวัคซีนทางเลือกอย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับภาครัฐ เช่น Moderna, Sinopharm หรือวัคซีนอื่นที่มีการขึ้นทะเบียนต่อไปในอนาคต โดยขอให้มีการควบคุมราคาการให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน ในสถานพยาบาลเอกชนให้สมเหตุสมผลและมีราคาที่เหมาะสม”นายอนุชากล่าว

นายอนุชากล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนในสถานพยาบาลเอกชน องค์การเภสัชกรรม (อภ.)จะเป็นผู้บริหารจัดการและประสานกับบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีน สถานพยาบาลเอกชนหรือภาคเอกชนที่ประสงค์จะนำเข้าวัคซีนทางเลือก จะต้องชำระเงินจองวัคซีนทางเลือกล่วงหน้าให้อภ.เต็มจำนวนมูลค่าการสั่งซื้อ รวมทั้งจัดทำประกันสำหรับกรณีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน

ภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะขอนำเข้าวัคซีนทางเลือก สามารถแต่งตั้งตัวแทนจากบริษัทวัคซีนต้นทางและยื่นหนังสือต่อ อภ. ที่ประชุมคณะทำงานฯ มอบหมายให้อภ.เป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง เพื่อร่วมกับภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image