สถานีนี่นี้…ปัจจุบัน สถานีหน้านั้น…มรณะ
คุณหยินควงคุณหยางแวะเข้ามาสนทนาวิสาสะในยามวิกฤต
พลางรำพึงเบาๆ ต่อกันว่า “เวลาวิกฤต ต้องทำงานอย่างวิกฤต มัวทอดหุ่ยเป็นทองเหลืองไม่รู้ร้อน ทั้งที่ไม่รู้เรื่องความเป็นความตายสักเรื่อง ความไม่รู้จะผลักตัวเองลงเหวแห่งหายนะเป็นรายๆ ไป”
แล้วทั้งคู่ก็เหลือบเล็งสุริยันยอแสง ขณะที่พระจันทร์โผล่พระบาทเหยียบขอบฟ้า
หยิน-หยาง
อาทิตย์-จันทร์
ชาย-หญิง
หลบไปข้างหลืบมโนธรรมสำนึก
อารมณ์ขันมักนำหน้าเมตตาธรรม
หลงกระตุ้นโลภ
อำนาจเกี่ยวก้อยกับผลประโยชน์
แฝดนอกมดลูกเหล่านี้ เป็นคำเปรียบเปรยของคนมีอารมณ์ขัน ซึ่งไม่รู้ว่าจะขันออกมาในยามจนตรอกได้ยังไง
ร่ำลือกันในที่รโหฐานเล่นๆ ว่า เวลาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติ คนปกติก็มักเอาแผนที่แห่งความอยู่รอด คือ ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ออกมากาง พลางมโนจริตทั้งบวกลบ เป็นสมมุติฐานว่า เกิดวิกฤตจะทำให้รอดอย่างไร หรือ ตกไปในทางลบจะโผล่ขึ้นอีท่าไหน
บางคนก็เผลอหมกมุ่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ในตัวเอง เห็นแต่การเกิด เสื่อม ดับ ตั้งอยู่ชั่วเดี๋ยวเดียว แล้วก็ไม่เที่ยง ต้องเสื่อม ต้องดับไปในที่สุด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงเป็นมนต์ที่ไม่ควรผิดบท ใช้ให้หนักแน่นมั่นคงอยู่ตลอด ไม่ผิดหวัง
ชีวิตคนแต่ละชีวิต การศึกษากลายเป็นเครื่องประดับ มีโลภ โกรธ หลง รองรับเมื่อไร เหนื่อยทั้งชีวิตเมื่อนั้น
อุษาคเนย์อันกว้างใหญ่ บอกคุณสมบัติการศึกษาไว้กว้างๆ ว่า ถ้าศึกษาตามแนวทางพระโพธิสัตว์ กล่าวคือ เป็นผู้ให้ความถูก ความควร แก่บุคคลและสังคมตลอดกาล การศึกษานั้นก็พึงสัมฤทธิ์
แต่ถ้ากลายเป็นผู้มักได้ เห็นแก่ได้ เห็นแก่เอา เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่คนส่วนใหญ่ที่เป็นกำลังแผ่นดินทั้งหมด
โพธิสัตว์อาจกลายเป็นสัตว์อย่างอื่น
เผลอสวมตำแหน่งทางการเมืองเข้า
จะคลานหรือจะเลื้อย เป็นสู้สุดฤทธิ์ทั้งนั้น
ขรัวตาขำ