จากกรณี นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 4 คน ประกอบด้วยผู้พิพากษาชั้นฎีกาและชั้นอุทธรณ์ ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ และมีผู้พิพากษาชั้นศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์ เป็นกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีการกล่าวหากรณีภาษีอากรของบริษัทโตโยต้าที่เป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายอธิคม อินทุภูติ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว กล่าวว่า เพิ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งดังกล่าวซึ่งมีคณะทำงานรวม 4 คน ซึ่งเป็นไปตามอำนาจที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการตุลาการปี พ.ศ. 2543 มาตรา 68 ซึ่งให้อำนาจรวบรวมข้อเท็จจริงว่ามีมูลในทางที่กล่าวหาทางวินัยต่อไปหรือไม่ สำหรับเหตุผลในการตั้งคณะทำงานดังกล่าวเพราะเป็นกรณีมีข้อสงสัยว่าจะมีการกระทำผิดวินัยหรือไม่ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้นยังไม่ถือว่าเป็นการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด
นายอธิคมกล่าวว่า จะประชุมคณะทำงานในที่ 7 มิ.ย.64 เพื่อกำหนดกรอบหน้าที่การทำงานและกำหนดบทบาทขอบเขตและศึกษาอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในเบื้องต้น ซึ่งคณะทำงานชุดนี้มีอำนาจในการออกหนังสือเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคำเเก่คณะทำงานได้กรรมการชุดนี้จึง มีสถานะคล้ายๆ กับคณะกรรมการสอบสวนวินัย ที่ผ่านมาตนไม่เคยเป็นกรรมการสอบสวนทางวินัยเบื้องต้นมาก่อน แต่ตนเคยเป็นกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง “สรุปก็คือถ้าไม่มีมูลก็ยุติเรื่อง ถ้ามีมูลไปในทางวินัยก็ต้องดำเนินการต่อไป ” นายอธิคมระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคณะกรรมการที่เหลืออีก 3 คน ประกอบด้วย นายปุณณะ จงนิมิตรสถาพร อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้, นายธีรทัย เจริญวงศ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์, นายสัญชัย ผลฉาย ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา โดยมีนายอธิคมทำหน้าที่เป็นประธาน คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
