จากกุมารทอง สู่′ตุ๊กตาลูกเทพ′ นวัตกรรมความเชื่อ บนสิทธิส่วนบุคคล ?

ตุ๊กตาลูกเทพนำเข้าจากจีน ผ่านการต่อผม แต่งตัว แล้วจึงปลุกเสก
ช่างแจง ศักดิ์สิทธิ์ รอดสุด เจ้าของร้านทำผมตุ๊กตาลูกเทพ
ช่างแจง ศักดิ์สิทธิ์ รอดสุด เจ้าของร้านทำผมตุ๊กตาลูกเทพ

หากจะพูดถึงกระแสที่กำลังมาแรงข้ามปี 2015 คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ตุ๊กตาลูกเทพ” ที่มีรูปร่างเป็นตุ๊กตาฝรั่งตามท้องตลาดแต่มีความแปลกตรงที่ว่า เมื่อนำมาปลุกเสก และใส่เรื่องของความศรัทธาเข้าไป ก็ทำให้เกิดเป็นกระแสในเรื่องของความเชื่อ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่สามารถเห็นได้ตามสถานที่ต่างๆ ในปัจจุบัน บ้างก็อุ้มเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้า บ้างก็พาออกมากินข้าว หรือพูดคุยเหมือนลูก

แล้วมีใครสงสัยไหมว่า ตุ๊กตาลูกเทพนั้นมาจากไหน ? กว่าจะมาเป็นตุ๊กตาลูกเทพได้ ต้องผ่านกรรมวิธีอย่างไรบ้าง ?

ต่อผม ปลุกเสก ตุ๊กตาเด็กจากแดนมังกร

จากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่าตุ๊กตาที่เหล่านี้นำเข้าจากประเทศจีน โดยเป็นตุ๊กตาทั่วไปที่มีตามท้องตลาด ก่อนที่จะนำมาต่อวิกผม และปลุกเสก

ช่างแจง ศักดิ์สิทธิ์ รอดสุด – เจ้าของร้านช่างแจง ซึ่งรับทำผมตุ๊กตาลูกเทพให้ข้อมูลว่า ความจริงตุ๊กตาลูกเทพ มีมานานแล้ว เพียงแต่รู้จักกันเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจจริงๆ โดยเพิ่งกลายเป็นที่นิยมไม่นาน อาจเพราะเหล่าดาราและคนมีชื่อเสียงนิยมนำไปเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นกระแสที่ทำให้คนทั่วไปนำมาเลี้ยงตาม ซึ่งเมื่อร้านของตนรับตุ๊กตาจากจีนมาแล้ว จะมีการทำทรงผมต่างๆ ในระดับเกรดเอ คือ ใช้เส้นผมแบบกันความร้อน จึงสามารถไดร์ผมได้ แต่หนีบหรือสระไม่ได้เพราะใช้กาวติดอย่างละเอียดแบบเส้นชนเส้น

Advertisement

“ลูกค้าส่วนใหญ่มีตั้งแต่วัยรุ่นยันผู้ใหญ่ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนมีฐานะและผู้ที่มีกำลังซื้อ ตุ๊กตาลูกเทพมีหลายรุ่น แต่ละรุ่นจะวัดตามขนาดของตุ๊กตา ถ้าเป็นในเรื่องของราคาถ้าขายตุ๊กตาเปล่าๆ จะตกอยู่ที่ตัวละ 1,500 ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นตุ๊กตาที่ใส่ผมแล้วเรียบร้อย ราคาส่งจะอยู่ที่ 1,800 บาท เมื่อส่งออกสู่ท้องตลาดก็จะขึ้นอยู่กับผู้ขาย ซึ่งส่วนใหญ่ขายกันที่ 2,000 บาทขึ้นไป”

หลังจากซื้อหาตุ๊กตาลูกเทพแล้ว ขั้นตอนหลังจากนั้นต้องทำการ “ปลุกเสก” ซึ่งมี 2 วิธี คือการปลุกเสกแบบเทพ และการปลุกเสกแบบพาย ทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันคือ แบบเทพจะเลี้ยงเพื่อ “เอาบุญ” ส่วนแบบพายจะเน้น “ความขลัง”

สถานที่ปลุกเสกมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนนทบุรี อาทิ วัดบัวขวัญ ซึ่งปลุกเสกฟรี แต่หากใครจะบริจาคก็แล้วแต่จิตศรัทธา นอกจากนี้ยังมี วัดใหญ่สว่างอารมณ์ ย่านปากเกร็ด และบ้านลูกเทพ แถบบางใหญ่ เป็นต้น

Advertisement

ส่วนการเลี้ยงดูตุ๊กตาลูกเทพนั้น จะเป็นแบบไม่เป็นทางการ คือสามารถนำออกไปไหนด้วยได้ เรียกกินข้าวด้วยกันได้ ไม่จำเป็นต้องถวายของเหมือนกุมารทอง และนิยมแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูสวยงามและน่ารัก ซึ่งจะมีตั้งแต่การซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ จนถึงการนำตุ๊กตามาเปลี่ยนรูปแบบหน้า

ช่างต่อผมบรรจงต่อผมให้ตุ๊ตากลูกเทพ
ช่างต่อผมบรรจงต่อผมให้ตุ๊ตากลูกเทพ

สิทธิส่วนตัว เรื่องเมามัว หรือ′ที่พึ่ง′ทางใจ

ความเชื่อเรื่องตุ๊กตาลูกเทพนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือความคิดเห็นที่แตกออกเป็นสองทางคือ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ กลายเป็นที่ถกเถียงกันในสังคม

ช่างแจงบอกว่า ตนมีตุ๊กตาลูกเทพชื่อน้องฟ้าใส เพราะเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนคนไม่เชื่อก็มองว่างมงาย

“คนเรามีสิทธิส่วนบุคคลในความคิด คนบางคนที่บอกว่างมงาย บางครั้งไม่ดูว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ถามว่าคนที่งมงายเขาไปทำอะไรให้เหรอ ? ก็เปล่า แล้วทำไมต้องว่าเขา คือคนพวกนี้บางทีไม่ได้คิดก่อนพูด ถ้าคนที่เขายอม ไม่โต้ตอบมันก็จบ แต่ถ้าไม่ยอม ก็ทะเลาะกัน” ช่างแจงกล่าว

ประเด็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลนี้ สอดคล้องกับ วิจักขณ์ พานิช นักวิชาการอิสระ ซึ่งมองว่าคนเราจะนับถืออะไรก็ได้ เหมือนกับในอดีตที่มีการบูชาพระเครื่อง มีการสักยันต์ แม้รูปร่างหรือลักษณะของตุ๊กตาจะไม่เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่คนส่วนหนึ่งก็ยังนับถือใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะรูปลักษณ์อาจเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการที่วัตถุเหล่านี้ผ่าน “พิธีกรรม” บางอย่าง ที่ทำให้เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สะท้อนจากปรากฏการณ์ทางความเชื่อครั้งนี้ คือสังคมไทยไม่เน้นให้คนเคารพตัวเอง

“การถือตุ๊กตาลูกเทพ ผมคิดว่าการที่เขามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างๆ ตัวตลอดเวลาทำให้เขามั่นใจ ปลอดภัย ซึ่งมันมีผลจริงไหม มันอาจจะจริงนะ เหมือนอาจจะดูหลอกตัวเองแต่มันก็ให้ผลจริง แต่ถามว่าทำไมทุกวันนี้ถึงมีเยอะขึ้น อาจเพราะคนรู้สึกต้องการที่พึ่งรอบตัวมากขึ้น คนต้องการที่พึ่งมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะสังคมไม่ได้ส่งเสริมให้เคารพตัวเอง พอสังคมไม่ได้ส่งเสริมให้เคารพตัวเอง ให้ตัวเองรู้สึกมีสิทธิมีเสียง ยิ่งทำให้เรารู้สึกต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเพื่อทำให้เรามั่นใจขึ้น ส่วนเรื่องรูปลักษณ์มองได้หลายแบบ อย่างศาลพระภูมิ เครื่องบูชา มันก็ทันสมัยมากขึ้น

แต่ยังไงก็ตาม โดยสาระของมันคือเรื่องของการเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ในวัตถุบูชา ไม่ต่างอะไรกับพระเครื่อง พระเครื่องที่จริงคือดินที่ผ่านพิธีปลุกเสก พูดง่ายๆ คือการเอาดินมาห้อยไว้ แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือคนสมัยนี้ต้องการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ซึ่งมันแปลกตรงที่ว่า สังคมพัฒนาขึ้น การศึกษาพัฒนาขึ้น น่าจะทำให้เห็นว่าคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น เชื่อมั่นในสติปัญญาของตัวเองมากขึ้น มีความคิดที่หลากหลายมากขึ้น แต่มันยิ่งทำให้เห็นว่าระบบการศึกษา ระบบสังคมไทยในปัจจุบันกลับทำให้จิตสำนึกพวกนี้ย้อนหลังกลับไป เหมือนมีอะไรที่คิดว่าช่วยได้ ก็เห่อกันไป

สังคมที่พัฒนาแล้ว ต้องมีการเคารพมนุษย์ เคารพสติปัญญาของมนุษย์ทุกคน ว่ามีสติปัญญา สามารถที่จะเรียนรู้ได้ พึ่งพาตัวเอง มี 2 มือ มีสมองที่จะคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ แล้วทำให้ชีวิตเรามั่นคงขึ้นจากมือเราเอง แต่นี่เเหมือนว่าเรากลับยิ่งทำงานน้อยลงแล้วพึ่งพาสิ่งศักดิ์สทธิ์มากขึ้น” วิจักขณ์วิเคราะห์

วิจักขณ์ พานิช นักวิชาการด้านศาสนา
วิจักขณ์ พานิช นักวิชาการด้านศาสนา

ฐานคิดดั้งเดิม ที่เพิ่มเติมคือ′แฟชั่น′

ด้านคมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แสดงความคิดเห็นว่า ตุ๊กตาลูกเทพก็เป็นนวัตกรรมความเชื่อ ที่ฐานคิดมันมาจากฐานคิดเดิม นั่นคือความเชื่อเรื่องกุมารทอง เพียงแต่ว่ามันเปลี่ยนในเชิงรูปแบบ จากเดิมที่เป็นตุ๊กตากุมารทำจากดินป่าช้า ทำจากโลหะ ก็เปลี่ยนแปลงมาสู่สิ่งใหม่ เช่น การรับเอาตุ๊กตาฝรั่งมาแต่เอามาใส่ความเชื่อแบบเดิมเข้าไป เพียงแต่มีลักษณะบางอย่างที่แตกต่างจากเครื่องรางของขลังประเภทอื่น ตรงที่ไปเกี่ยวข้องกับโลกโซเชียล ซึ่งทำให้ถูกแพร่ไปโดยการนำของกลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น ดารา หรือคนที่มีชื่อเสียง

“ความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล ยิ่งในโลกสมัยใหม่ที่มีเสรีภาพทางความเชื่อ คุณจะเชื่ออะไรที่มันไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ผิดกฎหมายคุณก็มีสิทธิที่จะเชื่อ ส่วนจริงไม่จริงในทางศาสนามันก็บอกไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเข้าไปมีประสบการณ์ในด้านนั้นเอง ในทางหนึ่งมันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกไสยศาสตร์มาสู่โลกสมัยใหม่ในการเปลี่ยนแปลงเชิงรูปแบบ”

ส่วนผลกระทบถึงสังคมไทยในปัจจุบัน คมกฤชมองว่า สังคมไทยพยายามไปสู่สมัยใหม่ แต่แม้จะพัฒนาในเชิงเทคโนโลยีระบบฐานคิด สุดท้ายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป กลับเปลี่ยนเพียงแค่รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ถูกนำมารับใช้ความเชื่อแบบเดิม

“ตุ๊กตาลูกเทพสะท้อนการแพร่ระบาดของความเชื่อโดยผ่านโลกโซเชียลซึ่งกำลังมีบทบาทมากในสังคมไทย แต่ความนิยมลูกเทพมันถูกเรียกว่าแฟชั่นทางความเชื่อ คุณมีแล้วคุณเก๋ คุณดัง มันก็มี มันออกมาชัด ต่างจากวัตถุมงคลหรือว่าเครื่องรางของขลัง ตุ๊กตาลูกเทพสะท้อนในแง่นี้ด้วย แม้กระทั่งในเรื่องของความเชื่อ อาศัยความนิยมในโลกโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทพอสมควร”

คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร
คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในด้านใดก็ตามถ้าพูดกันในด้านของสิทธิส่วนบุคคลแล้ว ก็ไม่สมควรที่จะเข้าไปก้าวก่ายหรือแสดงความคิดเห็นในแง่ลบแม้ว่าเราจะไม่เชื่อด้วยก็ตาม ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งกันเสียเปล่าๆ คนเราย่อมมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่แตกต่างกันออกไป หรืออีกแง่หนึ่งความเชื่อเหล่านี้ก็สะท้อนสังคมไทยเหมือนกับที่อาจารย์คมกฤชกล่าวว่า

“ตุ๊กตาลูกเทพก็เป็นตัวอย่างอันหนึ่ง มันเป็นตุ๊กตาสมัยใหม่ เป็นตุ๊กตาฝรั่ง แต่สุดท้ายมันถูกนำมารับใช้ความเชื่อแบบไทย ผมคิดว่าลักษณะมันสะท้อนแบบไทย เพราะฉะนั้นต่อให้เรามีเทคโนโลยีความก้าวหน้าทางวัตถุแค่ไหนก็ตามแต่เราก็ยังวนเวียนอยู่ในความเชื่อแบบเดิมที่มี”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image