เตือนสถานการณ์รุนแรงในเมียนมาขยายวง ลามจากชนบทสู่ในเมือง

(Photo by Handout / ANONYMOUS / AFP)

เตือนสถานการณ์รุนแรงในเมียนมาขยายวง ลามจากชนบทสู่ในเมือง

เอเอฟพีรายงานว่า มีการตอบโต้การปราบปรามอย่างหนักก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้กองทัพใช้กำลังทหารและสรรพาวุธสงครามโจมตีประชาชนของตนเองมากขึ้น ชี้เหตุปะทะเริ่มลามจากพื้นที่ชนบทเข้าสู่ในตัวเมือง

รายงานของไอซีจีระบุว่า ประชาชนในหลายพื้นที่ อาศัยอาวุธเท่าที่มีอยู่ อย่างเช่นปืนไรเฟิลหรือลูกซองสำหรับล่าสัตว์ กับอาวุธที่ผลิตกันขึ้นเองจากโรงงานผลิตชั่วคราวในป่า รวมตัวกันขึ้นเป็นกองกำลังป้องกันตนเอง เพื่อตอบโต้การปราบปรามอย่างหนักหน่วงและอำมหิตของรัฐบาลทหารเมียนมาก่อนหน้านี้ จนเป็นเหตุปะทะกันรุนแรงในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในรัฐชิน ทางตะวันตกของประเทศ และในพื้นที่ตามแนวชายแดนด้านตะวันออกติดต่อกับประเทศไทย ถึงขนาดกองทัพเมียนมาต้องใช้เฮลิคอปเตอร์และปืนใหญ่ ที่เป็นอาวุธสงครามเพื่อกำราบกองกำลังเหล่านี้

เหตุรุนแรงจากการตอบโต้ของกองกำลังป้องกันตนเองดังกล่าว ส่งผลให้การนำเอารัฐบาลทหารเมียนมา ตัดสินใจใช้อานุภาพของกองทัพต่อพลเรือนของตนเองมากยิ่งขึ้นได้ในอนาคต จะก่อให้เกิดการสูญเสียมหาศาล โดยเฉพาะการสูญเสียชีวิตของผู้หญิง, เด็ก และคนชรา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงและการอพยพหลบหนีการสู้รบมากที่สุด

รายงานของไอซีจีระบุว่า เหตุปะทะกันดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ในพื้นที่ซึ่งไม่เคยมีการปะทะ สู้รบกันมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้องค์กรให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม จำเป็นต้องเร่งรีบจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการใหม่และเส้นทางลำเลียงเสบียงใหม่ๆ มากขึ้น เพื่อรองรับกับประชาชนไม่น้อยกว่า 230,000 คนที่กลายเป็นคนพลัดถิ่นเพราะการสู้รบและความไม่มั่นคงในพื้นที่อยู่อาศัยเดิม

Advertisement

ไอซีจีระบุว่า กองกำลังป้องกันตนเองซึ่งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก กลายเป็นปัญหาเพิ่มเติมสำหรับกองทัพเมียนมาที่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากกองกำลังกบฏชนกลุ่มน้อยกว่า 20 กลุ่มที่มีอยู่แต่เดิม และจะสร้างปัญหาเกิดขึ้นตามมา เนื่องจากเมื่อเศรษฐกิจล่มสลาย กลุ่มกองกำลังป้องกันตนเองเหล่านี้ก็จำเป็นต้องแสวงหารายได้นอกเหนือจากที่ได้รับการบริจาคจากชุมชนเหมือนในเวลานี้ และไอซีจี ไม่เชื่อว่ารัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (เอ็นยูจี) จะสามารถดึงเอากลุ่มกองกำลังป้องกันตนเองเหล่านี้เข้ามาอยู่ในความควบคุมได้

รายงานของไอซีจีตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า ส่วนใหญ่แล้วการปะทะระหว่างกองกำลังป้องกันตนเองของพลเรือนกับกองกำลังทหารเมียนมา มักจำกัดอยู่เฉพาะในพื้นที่ชนบท แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดการยิงปะทะกันขึ้นระหว่าง 2 ฝ่ายนี้ในเขตเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอย่างมัณฑะเลย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 6 คน ชี้ให้เห็นแนวโน้มเกิดการปะทะในเขตเมืองมากขึ้นในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image