ลุ้น! 6 ส.ค. ศาลนัดฟังคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ยื่นร้องถอนข้อกำหนดคุมสื่อหรือไม่

ตามที่ทนายความภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทนสื่อออนไลน์รวม 12 แห่ง เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลขอให้ ศาลมีคำสั่ง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 หรือ สบค. ยกเลิก ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29 ที่ให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการบริหารกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) แจ้งผู้รับใบอนุญาตการใช้บริการอินเตอร์เนต ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรสื่อความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรคมนาคมทุกรายให้มีการตรวจสอบข้อความหรือข่าวสารมีที่มาจาก IP ADDRESS โดยให้แจ้งรายละเอียด ตามที่ สำนักงาน กสทช.กำหนด และให้แจ้งการใช้อินเตอร์เนต รวมทั้งให้ สำนักงาน กสทช. แจ้งพนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมาย

โดยภายหลังศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำที่พ 3618/2564 ศาลได้ออกนั่งพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีทางปกครองตามมาตรา 16 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อันทำให้การฟ้องคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 194 บัญญัติว่า ศาลยุติธรรมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงเว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น กรณีจึงเห็นได้ว่าศาลยุติธรรมเป็นศาลที่มีเขตอำนาจทั่วไปคดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลนี้ให้รับคำฟ้องสำเนาให้จำเลยให้โจทก์ทั้ง12 นำส่งภายใน 7 วันนับ แต่วันนี้ ส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับ แต่ส่งไม่ได้หากไม่ปฏิบัติถือว่าทิ้งฟ้อง แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (Coronavirus disease: COVID-19) ทวีความรุนแรงในชั้นนี้จึงไม่อาจกำหนดวันนัดได้ หากสถานการณ์คลี่คลายศาลจะแจ้งให้โจทก์ทั้งสิบสองมากำหนดวันนัดเพื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

สำหรับคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษานั้น

ศาลทำการไต่สวนแล้วเสร็จโดยเพื่อให้การพิจารณาสั่งคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีพิพากษาเป็นไปด้วยความรอบคอบจึงเห็นควรให้นัดฟังคำสั่งวันที่ 6 ส.ค.เวลา 13.30 น.

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image