“เอกาโกลบอล”ยกระดับสู่องค์กรสีเขียว ผุดโมเดลธุรกิจศก.หมุนเวียน

นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 350 ล้านชิ้นต่อปี  เพิ่มขึ้นกว่า 15% จากกำลังการผลิตเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี โดยสายการผลิตใหม่นับเป็นสายการผลิตลำดับที่ 10 เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่วิถีชีวิตรูปแบบใหม่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง

“โควิด ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตใหม่อย่างรวดเร็วขึ้น วันนี้ทั่วโลกมีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารมากขึ้น เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภคสำหรับยุคโควิดมากที่สุด ด้วยบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารนั้นช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ต้องอยู่บ้าน หรือ กักตัวนาน ๆ โดยความต้องการผู้บริโภคเพิ่มขึ้นชัดเจนอย่างมีนัยยะในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย และไทย ฯลฯ ซึ่งบริษัทฯ ได้ใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% มานานแล้ว และขณะนี้คำสั่งซื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ”

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งเครื่องจักร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม และจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป โดยจะทำให้ เอกา โกลบอล มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารจากเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 2,850 ล้านชิ้นต่อปี

โดยปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายจะเป็นองค์กรผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร และยกระดับสู่องค์กรที่มีนโยบายดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนถึงการกำหนดนโยบายบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร 360 องศา อย่างสมบูรณ์ ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อมุ่งสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนระยะยาว ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการลดปริมาณขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน

Advertisement

ทางด้านการผลิตสินค้า บรรจุภัณฑ์พลาสติกยืดอายุอาหารของเอกา โกลบอล ปัจจุบันสามารถใช้ซ้ำได้ 100% แต่บริษัทได้เพิ่มระดับงานวิจัยสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เข้มข้นมากขึ้น เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกยืดอายุอาหารที่ผลิตจากพืชแทนน้ำมัน เป็นต้น เพื่อรองรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล ที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต ปีนี้ให้ความสำคัญกับ Circular Economy เป็นจุดสําคัญที่ทําให้โลกไม่มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ในแผนตั้งแต่แนวทางปฏิบัติ อาทิ ทำ R&D ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กำหนด Business Model รองรับทําให้ขยะพลาสติกมีมูลค่าขึ้น เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image