คต.ยกระดับอำนวยความสะดวกส่งออก ปรับ4ด้าน บังคับใช้ 10 พ.ย.นี้

นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ปรับปรุงกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 เพื่อยกระดับการอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้ามาตรฐานแก่ผู้ประกอบการให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการค้าปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จำนวน 4 ฉบับ จะผลบังคับใช้ตั้งแต่ 10 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งประกอบด้วย

  1. กฎกระทรวงการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานและการกำหนดเงื่อนไขการทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน พ.ศ. 2564
  2. กฎกระทรวงการขอรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและการกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติงานของผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. 2564
  3. กฎกระทรวงการขอรับอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและการกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. 2564
  4. กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานและการตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. 2564

นางมนัสนิตย์ กล่าวว่า การปรับปรุงกฎกระทรวงในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการกำกับดูแลการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเกษตรหลักสำคัญของไทย ได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย แป้งมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดก่อนการส่งออกอย่างเคร่งครัด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวช่วยสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลก นอกจากนี้ กรมฯ ได้มีการยกระดับการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ โดยการลดขั้นตอนและกระบวนงานที่ซ้ำซ้อน ยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมคำร้องและค่าแบบพิมพ์ต่างๆ ตลอดจนพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดเอกสารกระดาษ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดระยะเวลา ต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจและช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในยุคดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง

” กฎกระทรวงฉบับใหม่ยังเปิดโอกาสทางการค้าและสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน เช่น สหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม ให้สามารถดำเนินธุรกิจเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานได้ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้และพัฒนายกระดับไปสู่การเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพซึ่งสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้อีกทางหนึ่ง อันเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็งตามนโยบายรัฐบาล “นางมนัสนิตย์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image