‘ณพลเดช’ หนุน เปิดเทศกาลกินเจเยาวราช เชื่อประชาชน ปฎิบัติตามกฎหมาย รับนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน
เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่วัดโลกานุเคราะห์ ถ.เยาวราช ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการฯพุทธศาสนาฯ กรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ,เลขานุการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรและประธานชมรมสามมิตรสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า ตนได้ร่วมหารือกับ นายสมชาย รักเจริญสกุล ไวยาวัจกรวัดโลกานุเคราะห์ พร้อมด้วยตัวแทนประธานชุมชน ตัวแทนผู้ค้า เพื่อหารือทิศทางเทศกาลกินเจ ที่จะถึงในวันที่ 6 – 14 ตุลาคม 2564 ว่าจะมีทิศทางอย่างไร โดยนายสมชาย กล่าวว่าสำหรับการจัดเทศกาลกินเจจากภาคราชการนั้นปีนี้จะไม่ได้มีการจัดกิจกรรมบนท้องถนน แต่ทางวัดจะมีการจัดพิธีทางศาสนาและบริจาคทานเหมือนปี2563 ที่ผ่านมาโดยจะเพิ่มความปลอดภัย มีการคัดกรองอย่างเข้มข้น ส่วนร้านค้าเขาค้าขายกันได้ตามปกติอยู่แล้ว
ดร.ณพลเดช กล่าวว่า จากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทดลองสุ่มตรวจโควิดสำหรับคนในพื้นที่ปรากฏว่ามีเพียง 0.9% เท่านั้นที่ติดเชื้อโควิด และทราบว่าผู้ค้าเยาวราชมีความเชื่อมั่นมากขึ้น จะเห็นว่าการค้าขายในเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา ประชาชนมาจับจ่ายซื้อของที่เยาวราชกันอย่างคึกคัก ร้านทองจากที่เงียบมานานกลับมีการเข้าแถวต่อคิวซื้อทองกันอย่างคับคั่ง ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ได้ร้องเรียนมายังตนว่าต้องการให้มีเทศกาลกินเจ ซึ่งร้านค้ายังปฏิบัติตามกฎหมาย ตามประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 32) ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ที่ฝ่ายสาธารณสุขได้ประเมินว่าค่อนข้างทรงตัวและมีแนวโน้มคลี่คลาย รวมถึงประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 41) ลงวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ในข้อ 2.2 ที่ให้ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
ดร.ณพลเดช กล่าวต่อว่า การที่ร้านค้าและผู้มาจับจ่ายใช้สอยดำเนินการตามกฎหมายข้างต้น ทำให้การค้าขายในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมาคึกคักหลังจากที่เงียบเหงาไปนาน สำหรับเทศกาลกินเจนี้ ตนเห็นว่าด้วยร้านค้าที่อยู่บนถนนเยาราชก็ค้าขายกันอยู่แล้วซึ่งวิถีปฏิบัติร้านค้าเหล่านี้ก็จะปรับเปลี่ยนสินค้าเป็นสินค้าเจ ก็จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้ อีกทั้งประชาชนก็สามารถมาร่วมทำบุญตามวัดโดยที่วัดก็ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายอยู่แล้วก็น่าจะสามารถดำเนินการทำบุญได้ตามจำนวนคนที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรหยุดเทศกาลกินเจที่เป็นเทศกาลที่สำคัญที่ประชาชนมีความยึดโยงกับวัฒนธรรมจารีตประเพณีที่มีกันมาอย่างช้านาน สำหรับประเทศจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ฯลฯ ก็ไม่เห็นมีใครสั่งห้ามดำเนินการเทศกาลกินเจ แต่กลับกันเขาสนับสนุนโดยรูปแบบ Function approach เพราะความเชื่อของประชาชนที่จะดำเนินตามวิถีแห่งวัฒนธรรม โดยมีการสร้างบุญกุศลประจำปีเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับจิตใจ หากดูกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วบุคคลย่อมมีเสรีภาพประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตนเช่นกัน ทั้งนี้ตนเห็นว่าหากภาคประชาชน พ่อค้า แม่ค้าจะประกอบค้าขายในเทศกาลกินเจ ก็ไม่ขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด เพียงแต่เพิ่มการป้องกันให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัย เชื่อว่าจะเป็นจุดเล็กๆ ที่จะส่งผลให้รัฐบาลสามารถเปิดประเทศใน 120 วันได้ ตามที่รับปากกับประชาชนไว้ ในวันที่ที่จะเปิดประเทศในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ซึ่งเหลือเวลาเพียง 18 วัน