‘พรพรหม’ ทีมชัชชาติ โดดป้อง ‘ผู้ว่าฯกทม.อิสระ’ ทำงานได้ ฉะพวกดิสเครดิต-วอนหยุดวิชามาร

‘พรพรหม’ ทีมชัชชาติ โดดป้อง ‘ผู้ว่าฯกทม.อิสระ’ ทำงานได้ ชี้ไม่ต้องเกรงใจใคร-ตรวจสอบเข้มข้น ฉะพวกดิสเครดิตควรทำการบ้าน วอนหยุดวิชามาร

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ทีมงานด้านสิ่งแวดล้อมของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ และอดีตผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร New Dem หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง “ผู้ว่าฯกทม.อิสระทำงานได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร” ว่าในกรณีที่มีทีมงานผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.บางคนและบางพรรค ออกมาแสดงความกังวลว่า ผู้ว่าฯกทม.ที่ลงในนามอิสระ ไม่มีทีม ส.ก.ของตัวเองจะทำงานลำบาก หรือถึงขนาดบอกว่าจะทำงานไม่ได้เลย เพราะมาหัวเดียวกระเทียมลีบนั้น ผมมองว่าเป็นข้อสังเกตที่ยังขาดความรอบคอบ จำได้ว่าคุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านทำงานในตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. ท่านพบว่ามีปัญหาหนึ่ง หรือข้อจำกัด กับการทำงานร่วมกันกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) บางคนที่มาจากพรรคเดียวกัน นั่นคือเรื่องของความเกรงใจ

นายพรพรหมกล่าวว่า คนอื่นอาจมองว่าผู้ว่าฯกทม. ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของเมืองหลวง น่าจะมอบหมายและประสานงานกับบรรดา ส.ก.ได้ โดยเฉพาะ ส.ก.ที่มาจากพรรคเดียวกัน แต่ข้อเท็จจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะ ส.ก.บางคนอาจมีความคิดว่า เขามีส่วนสำคัญในการช่วยหาคะแนนในเขตมาให้กับตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.จนได้รับชัยชนะ เหตุนี้ผู้ว่าฯกทม.จึงไม่สามารถทำอะไรหรือได้รับความร่วมมือจาก ส.ก.ในทุกครั้ง ทำให้บางนโยบาย หรือการแก้ไขปัญหาบางเรื่องไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติ เพราะความเกรงใจต่อกัน และแม้ผู้ว่าฯกทม.กับ ส.ก.จะมาจากพรรคเดียวกัน แต่ในข้อเท็จจริงเวลาปฏิบัติหน้าที่มีบ่อยครั้งที่เห็นไม่ตรงกัน เพราะหากเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ตัว ส.ก.จะคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนในเขตตัวเองเป็นหลัก ในขณะที่ผู้ว่าฯกทม.เองจะคำนึงถึงภาพรวมทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ ขณะที่การทำงานร่วมกับ ส.ก.ที่อยู่ต่างพรรค หรืออยู่คนละทีม กลับพบว่าการเป็นอิสระต่อกันนี้กลับทำให้เกิดข้อดีขึ้น มีกระบวนการตรวจสอบการทำงานกันและกันอย่างเข้มข้น ระหว่างฝ่ายบริหารกับสภา กทม. ทำให้ผลประโยชน์ตกไปอยู่ที่ชาวกรุงเทพฯแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไม่ต้องเกรงใจหรือกลัวใคร

Advertisement

นายพรพรหมกล่าวว่า สรุปว่าผู้ว่าฯอิสระสามารถทำงานได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร เอาผลประโยชน์ของประชาชนและความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ส่วน ส.ก.ที่มาจากพรรค/กลุ่มต่างๆ ก็สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ตามหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ในต่างประเทศก็มีตัวอย่างผู้ว่าฯอิสระที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง ไม่ได้มีฐานนักการเมืองท้องถิ่น เช่น นายไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก หรือนางยุริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวในปัจจุบัน ที่ทั้งคู่สามารถแสดงได้ถึงผลงานที่น่าชื่นชม ดังนั้น ไม่แน่ใจว่าทีมงานผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ดังกล่าวได้พิจารณาเรื่องรายละเอียดการทำงานของผู้บริหาร กทม.กับ ส.ก.อย่างรอบคอบแล้วหรือยัง ได้มองถึงมีข้อดี-ข้อจำกัดต่างๆ แล้วหรือไม่ ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ถ้ายังก็ฝากพิจารณาข้อมูลที่ระบุในโพสต์นี้

“แต่ถ้าหากมีเจตนาเป็นอย่างอื่น เพื่อให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่ลงสมัครในนามอิสระ ที่ตั้งใจมาทำงาน ดูด้อยค่า ถือว่าเป็นการเมืองแบบเก่าๆ ที่ไม่สร้างสรรค์และไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนเอาเสียเลย ขอให้หยุดวิชามาร เพราะคนเบื่อหน่ายเต็มทีและไม่เอาด้วยกับขบวนการเหล่านี้” ทีมงานคนรุ่นใหม่ นายพรพรหมกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image