ปรับโฉมรถเมล์‘สาย8’ จากซิ่งระทึก หวาดเสียว สู่‘ฟาสต์แอนด์ฟีลกู๊ด’

ปรับโฉมรถเมล์‘สาย8’

จากซิ่งระทึก หวาดเสียว สู่‘ฟาสต์แอนด์ฟีลกู๊ด’

 

รถเมล์ “สาย 8” เป็นที่กล่าวขวัญไม่เฉพาะคนกรุงเทพฯ แต่คนในต่างจังหวัดก็รับรู้ข่าวสารที่ไม่ค่อยดีนักกับรถเมล์สายนี้ เพราะแทบทุกปีที่มีข่าวอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถเมล์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็น “สาย 8” ไม่ว่าจะการขับรถเร็วไม่ปลอดภัย ขับเบียดแข่งกับรถเมล์ทั้งสาย 8 ด้วยกันเองและสายอื่นๆ บนท้องถนน ขับรถปาดซ้ายปาดขวา สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้โดยสารและผู้ร่วมทางบนท้องถนน อีกทั้งมีการเฉี่ยวชนบ่อยครั้งกับรถคันอื่น รวมทั้งชนประชาชนที่บางรายถึงกับเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย

นอกจากนี้พนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารบางคนก็มีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบด่าทอผู้โดยสาร วีรกรรมจอดรถแช่ป้ายเพื่อรอผู้โดยสารเป็นเวลานาน การทะเลาะเบาะแว้งรถเมล์เส้นทางอื่นเพื่อแย่งชิงผู้โดยสาร ถูกร้องเรียนเรื่องควันดำอยู่บ่อยครั้ง และสภาพรถที่เก่า ไม่สมกับค่าบริการที่เรียกเก็บ

จากวีรกรรมเหล่านี้ทำให้รถสายนี้ได้ฉายา “The Fast 8 เร็ว..แรงทะลุนรก” มาครอง ขณะที่บริษัทผู้ให้บริการรถเมล์สาย 8 ไม่ได้รับใบอนุญาตเดินรถต่อ จึงเป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ของรถเมล์สาย 8

Advertisement

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (อีวี) สาย 2-38 หรือ “สาย 8” เดิมของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ในระยะแรก ทางบริษัทจะทยอยนำมาใช้ 40 คัน จากทั้งหมด 153 คัน นำร่องไปแล้วเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา

ส่วนรถที่เหลือจะนำออกมาวิ่งครบทั้งหมดภายในเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมติดตั้งตู้ชาร์จแบบฟาสต์ชาร์จ กำลังไฟ 310 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที วิ่งได้ 4 รอบ 280 กิโลเมตรต่อวัน ซึ่งมีกระจายตามอู่ต่างๆ ทั้ง 8 อู่ อู่ละ 20 หัวชาร์จ ครอบคลุม 71 เส้นทางที่บริษัทได้รับสัมปทาน มีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2565 นี้

“ศักดิ์สยาม” มีข้อสั่งการว่า หลังจากนี้จะมีการประเมินผล 60 วัน ว่าจะตอบโจทย์ความต้องการประชาชนได้หรือไม่ พร้อมสั่งการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเรื่องเส้นทางและการเปลี่ยนหมายเลขรถเมล์ พร้อมเตรียมเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดเมื่อครบ 237 เส้นทางอีกครั้ง

Advertisement

สำหรับประเด็นเรื่องการเปลี่ยนตัวเลขสายรถเมล์แบบใหม่ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน นั้น “จิรุตม์ วิศาลจิตร” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ชี้แจงว่า ขบ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และรับฟังความเห็นของประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล ช่วงนี้อาจเกิดความสับสน แต่ ขบ.เดินหน้าแก้ไขปัญหา อาทิ ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าทั้งบนรถเมล์ และเว็บไซต์ว่าสายเดิมเป็นเลขหมายใด และสายใหม่เป็นเลขหมายใด เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

การปรับโฉมของรถเมล์สาย 8 ครั้งนี้ โดยเปลี่ยนมาใช้รถเมล์อีวี จะช่วยลดปัญหาเรื่องมลพิษ โดยเฉพาะเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ได้มากพอสมควร การแปลงโฉมครั้งนี้ โดยบริษัท ไทยสมายล์ บัส จำกัด จึงมีคอนเซ็ปต์ว่า “เรามาเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกให้ดีขึ้น” โดยจุดเด่นของตัวรถนอกจากระบบอีวีแล้ว ยังติดตั้งกล้องซีซีทีวี ระบบจีพีเอส หลอดไฟ ฆ่าเชื้อพีซีโอ ระบบจ่ายเงินแบบอี-ทิกเก็ต ช่องเสียบชาร์จสมาร์ทโฟน ระบบปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) ในการตรวจสอบความเร็วรถ การเปิด-ปิดประตู การจอดตรงป้ายรถเมล์ และรถเป็นชานต่ำ มีที่นั่งรองรับสำหรับผู้พิการ

“กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ให้ความมั่นใจว่า ปัญหาพนักงานขับรถ พนักงานต้อนรับ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ช่วงก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าต่อไปคุณภาพพนักงานจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่ เพราะทุกคนต้องผ่านการอบรมก่อนให้บริการ

ที่สำคัญคือ พนักงานจะมีการปฏิญาณตนว่าจะให้บริการด้วยความสุภาพ น่ารักกับผู้โดยสาร พร้อมเปลี่ยนโฉมการแต่งกายของคนขับรถและพนักงานดูแล ให้ดูดีและสะอาดขึ้น พร้อมกับเรียกขานว่าเป็น “กัปตันเมล์” กับ “บัสโฮสเตส” เพื่อเป็นมิตรกับผู้โดยสารมากขึ้น

นอกจากนี้ ทางบริษัทได้รับพนักงานจากสาย 8 เดิม มาทำงานด้วยประมาณ 15% และต้องผ่านการอบรมก่อน เพราะบางส่วนยังทำงานกับรถเมล์ร้อนที่ยังให้บริการ ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2566

สำหรับเส้นทางที่ให้บริการ เริ่มจากแฮปปี้แลนด์ โชคชัย 4 ถนนลาดพร้าว สวนจตุจักร สะพานควาย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โรงพยาบาลรามาธิบดี สะพานขาว โบ๊เบ๊ วรจักร คลองถม พาหุรัด สำเพ็ง สะพานพุทธ สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่น อาทิ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และเรือ MINE Smart Ferry เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่ท่าเรือสะพานพุทธ

อีกทั้งเตรียมเปิดวิ่งสาย 4-15 (สาย 82 เดิม) ท่าน้ำพระประแดง-บางลำพู จะให้บริการเร็วๆ นี้ และอีก 2 เส้นทางที่จะให้บริการในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ สาย 3-1 (สาย 2 เดิม) ปากน้ำ-ท่าเรือสะพานพุทธ สาย 3-2E (สาย 2 เดิม) ปู่เจ้าสมิงพราย-ท่าเรือสะพานพุทธ (ทางด่วน)

ส่วนการชำระค่าโดยสาร บริษัทพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารแบบอี-ทิกเก็ตขึ้นมาเอง เพื่อเตรียมพร้อมเชื่อมต่อการเดินทางแบบเครือข่าย “รถ-เรือ-ราง” ครบวงจร โดยเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ชื่อว่า HOP CARD สามารถเติมเงินได้ไม่จำกัดขั้นต่ำ จะเริ่มใช้ 100% ในเดือนกันยายนนี้

พร้อมกันนี้ เสนอบริการเพิ่มเติมคือค่าโดยสาร 40 บาทต่อวัน สำหรับการใช้บริการรถโดยสารของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ทุกเส้นทาง

ขณะที่รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม ขอความร่วมมือบริษัทให้จัดเก็บค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 10 บาท สำหรับ
ผู้โดยสารที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีรายได้น้อยจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้

นอกจากสาย 2-38 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ หรือสาย 8 เดิมแล้ว ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีรถให้บริการเพิ่มอีก 4 เส้นทาง ได้แก่ สาย 3-35 (สาย 1 เดิม) พระราม 3-ท่าเตียน สาย 4-15 (สาย 82 เดิม) ท่าน้ำพระประแดง-บางลำพู สาย 1-3 (สาย 34 เดิม) บางเขน-ถนนพหลโยธิน-หัวลำโพง และสาย 4-3 (สาย 17 เดิม) พระประแดง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ “ส่วนเดือนกันยายนจนถึงปลายปี 2565 บริษัทตั้งเป้าจะทยอยนำรถเมล์ไฟฟ้าใหม่มาให้บริการในเส้นทางต่างๆ ให้ครบทั้ง 77 เส้นทาง จำนวน 972 คัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด แจกแจงรายละเอียด

เป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญ ไม่เพียงแต่รถเมล์สาย 8 เดิม แต่จะทยอยปรับเปลี่ยนสายอื่นๆ หันมาใช้รถเมล์ไฟฟ้ามากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร อีกทั้งยังลดมลภาวะให้กับกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย

จากนี้ไป รถเมล์สาย 8 ที่ “ซิ่งระทึกเสี่ยงตาย” จะกลายเป็น “ฟาสต์แอนด์ฟีลกู๊ด” …นำร่องให้กับรถเมล์สายอื่นๆ ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image