กรมสวัสดิการแรงงาน ส่งทีมลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงทันทีเหตุโกดังสินค้าย่านบางปะกอกไหม้

กรมสวัสดิการแรงงาน ส่งทีมลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงทันทีเหตุโกดังสินค้าย่านบางปะกอกไหม้

วันนี้ (8 กันยายน 2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังสินค้า “โกดังซุปเปอร์เจ” ที่ตั้งอยู่ใกล้ซอยราษฏร์บูรณะ 15 เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเกิดความสูญเสียต่อทรัพย์สินของลูกจ้าง นายจ้าง และสถานประกอบการ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ส่งพนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 (สรพ.2) ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 11 (ศปข.11) บูรณาการร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

“เบื้องต้นพบว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 21.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังซุปเปอร์เจ ตั้งอยู่เลขที่ 135 ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงบางประกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ประกอบกิจการ ให้เช่าโกดังสินค้า โดยสินค้าภายในโกดังมีหลายประเภท ซึ่งที่เกิดเหตุ เป็นโกดังคอนกรีตชั้นเดียว มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5 ไร่ ภายในโกดังไม่มีลูกจ้างได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติงานทั้งหมด 7 ราย โดยได้นำตัวส่งโรงพยาบาล (รพ.) บางปะกอก 1 เรียบร้อยแล้ว ในวันนี้ (8 กันยายน 2565) พนักงานตรวจความปลอดภัย สรพ.2 ศปข.11 ได้ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลือลูกจ้าง นายจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป” นายสุชาติ กล่าว

ด้าน นายนิยม สองแก้ว อธิบดี กสร. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พนักงานตรวจความปลอดภัย สรพ. 2 และ ศปข. 11 ดำเนินการตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานสั่งการ ซึ่งที่ผ่านมา กสร. ได้ให้ความสำคัญเรื่องอัคคีภัย ภายใต้ SAFE LIFE เพื่อมุ่งหวังลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน สร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัยในการทำงาน โดยใช้หลัก 3 ต ประกอบด้วย “ติดตั้ง” โดยต้องติดตั้งระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย “ตรวจสอบ” หมั่นตรวจสอบระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย และเครื่องดับเพลิงแบบเคลื่อนย้ายได้ “เตรียมความพร้อม” ต้องจัดทำแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย จัดอบรมการดับเพลิงขั้นต้นให้กับลูกจ้าง และฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี โดยหลัก 3 ต จะช่วยป้องกันและลดการเกิดอัคคีภัย พร้อมทั้งจะช่วยสร้างความปลอดภัยในการทำงาน ลดการประสบอันตรายจากการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

“อย่างไรก็ตาม ผมขอความร่วมมือนายจ้าง และลูกจ้างปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.2555 อย่างเคร่งครัด หากนายจ้าง/เจ้าของสถานประกอบกิจการใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองความปลอดภัยแรงงาน โทรศัพท์ 0 2448 9128-39 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1506 กด 3 และ 1546” นายนิยม กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image