‘กองทัพไทย’ จัดพิธีวางพวงมาลาวันคล้ายวันสวรรคต ‘สมเด็จพระนเรศวรฯ’ประจำปี 66
เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย(บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2566 โดยการจัดพิธีในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ โดยมีการจัดพิธีที่สำคัญ คือ พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระมหาธรรมราชา กับ พระวิสุทธิกษัตรีย์ เสด็จพระราชสมภพ เมื่อปีเถาะพ.ศ. 2098 ณ พระราชวังจันทร์ เมืองพิษณุโลก ทรงมีพระพี่นาง 1 พระองค์ ทรงพระนามว่า พระสุพรรณกัลยา พระอนุชา 1 พระองค์ ทรงพระนามว่า พระเอกาทศรถ เมื่อพ.ศ.2107 พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ได้ทรงขอสมเด็จพระนเรศวร จากสมเด็จพระมหาธรรมราชา ขณะที่ทรงมีพระชนม์ได้ 9 พรรษา ต้องเสด็จไปประทับ ณ กรุงหงสาวดี และได้เสด็จกลับสู่กรุงศรีอยุธยา เมื่อพระชนมายุได้ 15 พรรษา ทรงกระทำศึกเพื่อปกบ้านป้องเมือง ให้รอดพ้นจากการรุกรานของอริราชศัตรู และจากการรบหลายครั้ง ทรงแสดงให้ประจักษ์ในความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ จนเป็นที่เกรงขามของข้าศึกศัตรู เมื่อพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อปีพ.ศ. 2133 โดยที่การศึกก็ยังมิได้หมดสิ้นไป จนต่อเมื่อได้ทรงกระทำยุทธหัตถี และมีชัยเหนือพระมหาอุปราชแห่งกรุงหงสาวดี กรุงศรีอยุธยา จึงมีความมั่นคงปราศจากการรุกรานไพรีสืบมาเป็นเวลากว่าร้อยปี
ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ทรงตรากตรำพระวรกายในการศึกสงครามเพื่อชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ตราบจนกระทั่งพ.ศ. 2148 ขณะทรงยกทัพไปตีเมืองอังวะ ระหว่างการเดินทัพ ทรงพระประชวร และเสด็จสวรรคต ณ เมืองหาง เมื่อวันที่ 25 เมษายน ปีเดียวกัน ขณะพระชนมายุได้ 50 พรรษา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นกษัตริย์นักรบที่ทรง พระปรีชาสามารถ กล้าหาญ และเปี่ยมด้วยพระวิริยะ โดยเมื่อทรงพระเยาว์ ได้ศึกษายุทธวิธีการรบของฝ่ายข้าศึก และนำมาปรับใช้กับศึก จนเป็นฝ่ายชนะในที่สุด ทรงเป็นแบบอย่างอันดียิ่งของนักรบไทยมาทุกกาลสมัย
เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เหล่าข้าราชการกองทัพไทยทุกนาย ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่ โดยจะขอสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อดำรงไว้ซึ่งประโยชน์สุขส่วนรวม ตระหนัก สำนึกในเกียรติภูมิของชาติ มุ่งมั่นสร้างสรรค์คุณประโยชน์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในการปกป้องราชอาณาจักรไทยอันเป็นมาตุภูมิให้มั่นคงยืนยงตลอดไป
