เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เข้าพบพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือประเด็นส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก หลังมีการพาดพิงถึงภรรยารองผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม
โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าขอพบ ผบ.ตร ก่อน ส่วนเรื่องที่มีการพาดพิง ไม่ละเว้นแน่ ก่อนจะรีบขึ้นลิฟต์
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง(ผบก.ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตส่วยรถบรรทุกว่า สั่งการให้ตำรวจทางหลวงทั้ง 8 กองกำกับการทั่วประเทศ รายงานเกี่ยวกับการเรียกรับส่วยในหน่วยตามข้อเท็จจริงภายในระยะเวลา 5 วัน หลังมีชื่อตำรวจปรากฏออกมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งหากไม่รายงานตามข้อเท็จจริง แล้วตรวจสอบเจอภายหลัง จะสั่งย้ายทันที ไม่ละเว้น
ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงถึงภรรยานายตำรวจคนหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เข้ามาพัวพันกับส่วยสติ๊กเกอร์ ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบ นอกจากนี้ตำรวจมีรายชื่อตำรวจกว่า 10 คน ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และจะประสานสหพันธ์ ให้นำข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เข้ามาให้เพิ่มเติม
สำหรับกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์สื่อเชื่อมโยงไปถึงสถานีตำรวจทางหลวงเกรดเอ 7 สถานี หรือ 7 อรหันต์โรงพักเกรดเอนั้น เรื่องนี้อาจจะไม่มีมูลความจริงทั้งหมด หากจะกล่าวหาว่าตำรวจใช้เส้นสาย ก็ต้องตรวจสอบทั้งองค์กร ไม่ใช่เจาะจงไปที่หน่วยใดหน่วยหนึ่ง
พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ผบ.ตร ได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งให้มีการตรวจสอบรายชื่อข้าราชการตำรวจ ที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย มอบให้กับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โดยจะต้องมีการเชิญหรือเรียกบุคคลที่ถูกอ้างถึงมาให้ปากคำกับคณะกรรมการชุดดังกล่าวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการตำรวจ หรือ ภรรยาของรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม หรือ แม่บ้าน-พ่อบ้านในกองบังคับการตำรวจทางหลวง ยืนยัน หากพบผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิด จะถูกดำเนินการโดยไม่ละเว้น ซึ่งในส่วนที่เป็นข้าราชการตำรวจ จะมีทั้งความผิดทางอาญาและวินัย
