บึงกาฬ เร่งแก้ข้อพิพาทเขตป่าสงวน ทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน ห้วยเล็บมือ

บึงกาฬ เร่งแก้ข้อพิพาทเขตป่าสงวน ทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน ห้วยเล็บมือ

หน่วยงานภาครัฐบึงกาฬ ร่วมแก้ปัญหาข้อพิพาทแนวเขตป่าสงวนไม่ชัดเจนทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน “ห้วยเล็บมือ” ริมน้ำโขง หลังผู้ว่าฯรับปากช่วย ด้านตัวแทนกรมป่าไม้ยอมรับปัญหาเกิดจากอดีตมีการกำหนดแนวเขตหลายรอบ แต่พร้อมร่วมมือทุกฝ่ายดูแลชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอบุ่งลค้า จ.บึงกาฬ ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาข้อร้องเรียนชาวบ้านหมู่บ้าน บ้านห้วยเล็บมือ ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ที่ได้รับผลกระทบจากการขีดเส้นแนวป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงภูวัว ซึ่งการประชุมเป็นไปตามคำสั่งของ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ

นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจัดหวัดบึงกาฬ ในฐานะประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับฟังปัญหาของชาวบ้าน ประกอบด้วย ตัวแทนสำนักจัดการทรัพยากร ป่าไม้ที่ 6 อุดรธานี (รับผิดชอบเขตบึงกาฬ), ป่าไม้จังหวัด, ปฏิรูปที่ดินจังหวัด, สำนักงานที่ดินจังหวัด, ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และนายอำเภอบุ่งคล้า พร้อมทั้งมีการลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบจุดที่มีปัญหาด้วย

Advertisement

ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ชี้แจงชาวบ้านว่า สำหรับชาวบ้านที่มีเอกสารแสดงสิทธิที่ดินทำกินอยู่แล้ว ถึงแม้จะอยู่ทับซ้อนกับพื้นที่เขตป่าสงวน ก็สามารถไปยื่นคำร้องขอออกเป็นโฉนดได้ เป็นรายๆ ไป ส่วนชาวบ้านรายที่มีที่ดินในเขตพื้นที่ทับซ้อนกับป่าสงวนต้องขอให้ชะลอการออกเอกสารสิทธิไปก่อน จนกว่าจะมีขอข้อสรุปที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังใช้ประโยชน์ในที่ดินที่มีปัญหาดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมายป่าไม้เช่น นำดินไปขาย ตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น

รองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเรียกร้องให้เดินออกสำรวจรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดตามนโยบายรัฐ (บอกดิน) ประจำปี 2567 นั้น จากการประสานทราบว่าในพื้นที่บ้านห้วยเล็บมือยังไม่ถึงคิวของการออกเดินสำรวจ แต่หลังจากนี้จะทำบันทึกรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ให้ทราบข้อมูลที่เป็นจริง ซึ่งในเร็วๆ นี้ ผู้ว่าราชการจะได้นัดประชุมกับคณะกรรมการถ่ายทอดแนวเขตป่าอีกครั้ง เพื่อสรุปหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อไป

ด้าน นายทรัพย์สิน จงดี ผู้อำนวยการส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากร ป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) กล่าวยอมรับว่า ภาครัฐได้ทำการประกาศ และออกกฎหมายแนวเขตป่าสงวนหลายครั้ง จึงทำให้มีแนวเขตหลายแนว รวมทั้งมีการออกเอกสารแสดงสิทธิทำกินในพื้นที่เรื่อยมา ทั้ง สค.1 นส.3 สปก. แต่อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

Advertisement

นายพรเทพ ท้าวดี สมาชิก อบต. ต.หนองเดิ่น กล่าวว่า ปัญหาแนวเขตป่าทับที่ดินทำกินในพื้นที่มีมายาวนานและมีการประชุมแก้ไขปัญหามาตลอด กระทั้งในปี 2561 มีข้อตกลงว่าจะยึดระวางแผนที่แนวท้ายกฎกระทรวง 2510 ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ชาวบ้านและหน่วยงานในขณะนั้นเห็นชอบไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทราบว่ากรมป่าไม้จะกลับไปใช้แนวเขตเมื่อ พ.ศ.2553 ซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับ และยังเป็นแนวเขตที่สร้างปัญหาทบซ้อนที่ดินตามสิทธิชาวบ้านอย่างมาก ดังนั้นจึงยากให้คณะกรรมการที่ผู้ว่าราชการปัจจุบันตั้งขึ้นหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาด้วย

“ชาวบ้านห้วยเล็บมืออยู่ในพื้นที่มาก่อนประกาศเขตป่า เราถอยร่นออกจากเขตป่ามาตลอด กระทั้งวันนี้ติดน้ำโขงแล้ว เราไม่ต้องการอะไรมากขอเพียงภาครัฐแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน เพื่อให้ชาวบ้านไม่เสียโอกาส เช่นที่ผ่านมาเราเข้าโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐไม่ได้เลย เพราะอ้างว่าเราอยู่ในเขตป่า ชาวบ้านขอให้ภาครัฐมีความชัดเจนในแนวเขต และถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ลิดรอนสิทธิประชาชนแค่นั้น ไม่ได้ขอที่ดินเพิ่ม” นายพรเทพกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image