รวบเพิ่มแม่ยายแก๊งปลอมแอพพ์หลอกลงทุนหุ้นต่างชาติอ้าง “คนดังวงการหุ้น”เหยื่อเสียหาย 800 ล้าน

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ.ว่าที่ พ.ต.ท.ประภาส วังงาม สว.กก.3 บก.ปอศ.ว่าที่ ร.ต.ท.ปัณณ์วิชญ์ สร้อยปลิว รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปอศ., ด.ต.ไกรราช เทียมยศ และ ส.ต.อ.นคเรศ อุตสา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม น.ส.กุลสิริยา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, เปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้ หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, มีส่วนร่วมกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรม หรือโดยรู้เจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว อันเป็นความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ได้ที่หน้าบ้านพัก หมู่ 19 ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์หลังถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนผ่านเพจเฟซบุ๊กหลอกให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการเทรดหุ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนเข้าร่วมกลุ่มไลน์ VIP แนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีการอ้างผลตอบแทนสูง และมีข้อมูลวงในที่ใช้ในการลงทุน โดยให้ลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่นช่วงแรกทำกำไรได้จริงและถอนเงินได้ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินลงทุนเพิ่มเติมจำนวนมากอีกหลายครั้ง แต่เมื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยคนร้ายอ้างว่าหากผู้เสียหายต้องการถอนเงินจะต้องวางเงินประกันการลงทุนเพิ่มเติม และจะต้องเสียภาษี 20% ของกำไรจึงจะถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายทำตามที่คนร้ายแจ้งก็ยังถอนเงินออกมาไม่ได้ โดยอ้างว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าประกัน และค่าภาษีเพิ่มเติม เป็นข้ออ้างไปเรื่อยๆ เมื่อตรวจสอบแอพพลิเคชั่นดังกล่าวพบว่า ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่อย่างใด เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายเกือบ 10 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท

ภายหลังรับเรื่องร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันสืบสวนอย่างละเอียดจนทราบข้อมูลและผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการหลอกลงทุนดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมขออนุมัติศาลอาญาฯ ออกหมายจับผู้ต้องหา 50 กว่ารายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินำไปสู่ปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate ปฏิบัติการสกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ” และจับกุมผู้ต้องหากระบวนการดังกล่าวแล้ว 20 กว่าราย ต่อมา ว่าที่ พ.ต.ท.ประภาส นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.กุลสิริยาเพิ่มอีกหนึ่งราย ซึ่งเป็นผู้ใช้บัญชีธนาคารภายในประเทศไทยในการรับผลประโยชน์จากชาวมาเลเซีย จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. และสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การ น.ส.กุลสิริยา เบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งให้การว่าเป็นแม่ยายของผู้ต้องหารายหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในกระบวนการหลอกลงทุน โดยอ้างว่าลูกเขยเป็นชาวมาเลเซียนำบัญชีไปใช้ไม่มีส่วนได้เสียรับผลประโยชน์ใดๆ และไม่รู้เรื่องในการหลอกลงทุนดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image