เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม น.ส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลรักษาพยาบาลลิงอ้วน ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ โดยพบบริเวณจุดชมวิวถนนเลียบวงแหวนใต้ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ว่า ลิงแสมตัวดังกล่าวมีน้ำหนัก 27 กิโลกรัม มีหน้าท้องขนาดใหญ่ประมาณ 35-40 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่จึงนำไปตรวจสุขภาพเบื้องต้น ทั้งเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจหาโรคติดต่อ ได้แก่ โรคเฮอร์ปี่ไวรัส วัณโรค ไวรัสตับอักเสบ มงคล่อเทียม และพยาธิในเม็ดเลือด
น.ส.กาญจนา กล่าวว่า นอกจากนี้ได้นำลิงไปวินิจฉัยโรคเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ด้วยการเอกซเรย์ช่องอก และช่องท้อง เพื่อตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติ ซึ่งผลวินิจฉัยจากฟิล์มเอกซเรย์ พบว่า มีสภาวะปอดอักเสบ และช่องท้องมีความผิดปกติ มีขอบเขตกล้ามเนื้องอกไขมัน หรือก้อนมะเร็งไขมัน พร้อมทั้งเจาะดูดเซลส์เนื้อเยื่อไขมันบริเวณหน้าท้อง เพื่อส่งตรวจเซลส์เนื้อเยื่อไขมันและเก็บตัวอย่างเลือด ค่าชีวเคมีในกระแสเลือด ได้แก่ค่าตับ ค่าไต และค่าคอเลสเตอรอล ภายหลังการตรวจพบว่า เป็นเซลล์ไขมันปกติ ซึ่งเกิดจากสภาวะไขมันสะสมในช่องท้องและผนังช่องท้องที่มีมากจนเกินไป จนทำให้มีลักษณะหน้าท้องที่ยื่นออกมา และผลการตรวจค่าเลือดพบว่าค่าโคเลสเตอรอล ในกระแสเลือดมีค่าสูงเล็กน้อย ส่วนผลการตรวจโรคติดต่อ ยังคงรอผลจากสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์
ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า สำหรับแนวทางการรักษานั้น สภาวะปอดอักเสบ ทางสัตวแพทย์ได้ฉีดยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ส่วนสภาวะน้ำหนักเกิน หรือ อ้วนเกินไป ทางสัตวแพทย์ได้ปรับอาหารเพื่อเป็นการควบคุมน้ำหนัก โดยให้อาหารวันละ 2 มื้อ มื้อละ 300 – 400 กรัม โดยมีสูตรอาหารเป็นผัก ประกอบด้วย ผักกาดขาว ผักบุ้ง ผลไม้ ประกอบด้วย ชมพู่ แก้วมังกร มะละกอ กล้วยน้ำว้า และอาหารจำพวกโปรตีน ประกอบด้วย ไข่ต้ม อกไก่ต้มชิ้นเล็ก หมูต้มชิ้นเล็ก และหนอนนก ซึ่งในส่วนของสูตรอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักนั้น จะเน้นในเรื่องของการลดแป้งและน้ำตาล เน้นให้ทานอาหารที่มีปริมาณเยื่อใยสูง และเน้นโปรตีนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเป็นพลังงานของร่างกาย
