เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นมันนีรายงานว่า อสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือที่อยู่ติดกับสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีนั้นเปิดให้เช่าสำหรับใช้เป็นศูนย์การประชุมและโรงแรมที่พักราคาไม่แพงสำหรับนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว โดยรัฐบาลเยอรมนีเพิ่งจะประกาศเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า จะมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้รายได้จากส่วนนี้ถูกใช้ไปไนกิจการที่เป็นอันธพาลของเกาหลีเหนือ
ข่าวระบุว่าโรงแรมชื่อว่า “ซิตี โฮสเทล เบอร์ลิน” เปิดให้บริการที่อาคารหลังหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2008 โดยสื่อเยอรมนีรายงานว่าค่าเช่าที่ได้จากอาคารดังกล่าวคิดเป็นหลายหมื่นยูโรในแต่ละเดือน
ทั้งนี้ ความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนืออาจเห็นได้ไม่ชัดเจนสำหรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียของโรงแรมดังกล่าวไม่ได้ระบุว่า อาคารดังกล่าวเป็นของรัฐบาลเกาหลีเหนือ
โรงแรมดังกล่าวเน้นให้บริการนักเดินทางที่อายุน้อย นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คและนักเรียนนักศึกษาที่ออกมาท่องเที่ยวทัศนศึกษากับทางโรงเรียน โดยมีทั้งห้องเดี่ยว ห้องรวมที่มีเตียง 2 ชั้น ในราคาเพียง 9 ยูโร (ราว 340 บาท) ต่อคืน ที่ถือได้ว่าถูกมาก
ซีเอ็นเอ็นมันนีรายงานว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับของโรงแรม ได้คำตอบว่า พวกเขาไม่รู้ถึงความเชื่อมโยงของโรงแรมกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับผู้ที่เดินทางเข้าพัก โดยนักท่องเที่ยวหญิงวัย 25 ปี ชาวอาร์เจนตินารายหนึ่งระบุว่า เธอไม่รู้มาก่อนว่าอาคารนี้เป็นของรัฐบาลเกาหลีเหนือ
ด้านอีจีไอ บริษัทที่เป็นเจ้าของโรงแรมดังกล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ส่วนเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีเหนือที่รับโทรศัพท์บอกกับผู้สื่อข่าวว่าให้ติดต่อมาใหม่ในภายหลัง ขณะที่ผู้จัดการโรงแรมปฏิเสธที่จะตอบคำถามและสั่งให้ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นออกไปจากพื้นที่ทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความไม่โปร่งใสอยู่ แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่เข้าไปเขียนรีวิวโรงแรมนี้ไว้ในเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ได้ โดยมีผู้เข้าพักรายหนึ่งเขียนว่า “ไม่รู้เลยว่าโรงแรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงเบอร์ลินจนกระทั่งกลับมาที่บ้าน ผู้ที่ต่อต้านนโยบายของเกาหลีเหนืออาจไม่ต้องการเข้าพักที่นี่”
อีกรายบอกว่า “โดยรวมแล้ว นี่เป็นที่พักที่โอเคหากคุณไม่สนใจเรื่องความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ แต่ไม่ใช่เรา”
ทางการเยอรมนีระบุว่า ได้ใช้มาตรการในเรื่องนี้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่ห้ามรัฐบาลเกาหลีเหนือจากการใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองในต่างประเทศในการทำอย่างอื่นนอกเหนือจากกิจกรรมทางการทูตเท่านั้น