เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 นายประสาน โพธิ์ทอง ผู้สื่อข่าวไทยทีวีสีช่อง 3 และผู้สื่อข่าว นสพ.ข่าวสด ประจำจังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อศาลสระแก้ว เพื่อให้ศาลพิจารณาไต่สวนหมายจับ ของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระแก้ว เนื่องจากพนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้สื่อข่าวช่อง 3 อย่างมีเลศนัย โดยมีชาวบ้านและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ นำช่อดอกไม้มามอบให้ผู้สื่อข่าวช่อง 3 เพื่อเป็นกำลังใจจำนวนมาก
คดีนี้สืบเนื่องมาจากนางบัณฑิตา ยวดขุนทด ได้ทำการขายที่ดินให้กับกลุ่มนายทุน เป็นที่ดิน น.ส.3 จำนวนเนื้อที่ดิน 36 ไร่ 20 ตารางวา ในราคาไร่ 2 แสนบาทเศษ แต่หลังจากจ่ายเงินแล้ว นายทุนได้นำช่างรังวัดเข้ามาทำการรังวัดที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ปรากฏว่าที่ดิน น.ส.3 แปลงนี้ไปติดกับที่ดินของพี่น้องของนางบัณฑิตา อีกแปลงหนึ่งเนื้อที่ 27 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินของนิคมสร้างตนเอง คลองน้ำใส จ.สระแก้ว นางบัณฑิตาและพี่น้องจึงไม่ยินยอม
ต่อมาจึงได้ไปร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมสระแก้ว แต่เรื่องก็เงียบ ไปร้องต่อที่ดินอรัญประเทศเรื่องก็เงียบ กระทั่งถูกกลุ่มนายทุนไปแจ้งความที่ สภ.คลองลึก หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนสระแก้ว สื่อมวลชนจึงได้เข้าตรวจสอบพบว่าที่ดินที่ทำสัญญาซื้อขาย มีเพียง 36 ไร่ 20 ตารางวาเท่านั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางบัณฑิตาว่ามีคนใช้รถตู้บรรทุกชายฉกรรจ์ นำเสาปูนเข้ามาปักในที่ดินของตนเอง สอบถามอะไรก็ไม่ยอมบอก พวกตนหวาดกลัวมาก
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุ ที่บ้านหนองแข้ ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบคนงานเป็นชายฉกรรจ์จำนวน 5 คน กำลังช่วยกันนำเสาปูนขุดหลุมปักในที่ดินของนางอุบล มนต์กันภัย พี่สาวของนางบัณฑิตา ซึ่งที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตของนิคมสร้างตนเองคลองน้ำใส หลังผู้สื่อข่าวเข้าไปถึงก็สอบถามว่าใครให้มาปักเสาปูนเนื่องจากที่ดินแปลงนี้ยังอยู่ระหว่างการรังวัดส่งมอบที่ดิน ระหว่างนายทุนที่ซื้อกับนิคมฯ
ผู้สื่อข่าวจึงให้นางบัณฑิตาเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังกลุ่มชายฉกรรจ์ทราบว่ามีการไปแจ้งตำรวจ จึงได้รีบนำคนงานขึ้นรถตู้โดยสาร โตโยต้า สีเทา ทะเบียนป้ายเหลือง 30-0092 สุพรรณบุรี แต่เมื่อได้ตรวจสอบไปยังขนส่งจังหวัดสุพรรณบุรี ทางสำนักงานขนส่ง สุพรรณบุรี ได้ทำหนังสือยืนยันมาว่า รถตู้หมายเลขทะเบียนดังกล่าว ได้ถูกแจ้งยกเลิกใช้รถไปตั้งแต่ วันที่ 22 มกราคม 2550 สื่อมวลชนจึงนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง และลงเฟซบุ๊กว่านายทุนเข้าไปซื้อควาย 36 ตัว แต่พอเข้าไปเอาควายกลับจะเอาควายของชาวบ้านไปทั้ง 70 ตัว โดยไม่ยอมจ่ายค่าควายเพิ่ม จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายคอมพ์แต่อย่างใด
และเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลแขวงธนบุรี รักษาการชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งรับคำร้องของนายประสาน โพธิ์ทอง ผู้สื่อข่าวไทยทีวีสีช่อง 3 สระแก้ว และ นสพ.ข่าวสด และสั่งให้นัดไต่สวนคำร้อง ในวันที่ 27 มิถุนายน 2560 เวลา 13.00 น.
ด้านนายประสาน โพธิ์ทอง ผู้สื่อข่าวช่อง 3 กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเรื่องนี้นายทุนได้ส่งผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือเข้ามาขอร้องขออย่าให้เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน และการออกหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เพื่อบีบไม่ให้ตนเองไปเป็นพยานศาลในวันที่ 18 พฤษภาคม2560 นอกจากนี้ได้ฝากไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะท่านอธิบดีกรมที่ดิน หลายคดีสื่อมวลชนได้ทำเรื่องร้องเรียนขึ้นไป เรื่องเจ้าหน้าที่ออกโฉนดโดยมิชอบ และหลังจากกรมที่ดินได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบ แต่ทางกรมที่ดินก็มิได้สั่งเพิกถอน โฉนดที่ออกมาทับที่ดินของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้าน ต้องดิ้นรณกู้หนี้ยืมสินจ้างทนายฟ้องเพิกถอนโฉนด ซึ่งอันที่จริงเมื่อพิสูจน์แน่ชัดแล้วว่า โฉนดออกมาโดยมิชอบก็น่าจะสั่งเพิกถอนให้ชาวบ้านได้
ด้านนางศรีแพร ประจำเมือง ชาวบ้านที่ถูกนายทุนรังแก ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกเสียใจมากที่ผู้สื่อข่าวช่อง 3 ถูกออกหมายจับ กรณีที่เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน พวกตนไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมเรื่องก็เงียบหาย ตนจึงได้หันหน้าไปพึ่งสื่อมวลชน สื่อมวลชนก็ถูกคุกคามอีก
