นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายนธนาคารเตรียมเปิดตัวสินเชื่อบ้านสำหรับผู้สูงอายุ (รีเวิร์ส มอร์ทเกจ) สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีบ้านปลอดจำนอง สามารถนำมาขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยธนาคารจ่ายเงินให้กับผู้สูงอายุเป็นรายเดือนจนถึงอายุ 85 ปี หากครบเงินกู้แล้วยังไม่เสียชีวิต สามารถนำบ้านมาประเมินราคาใหม่เพื่อให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้ ซึ่งในเบื้องต้นการให้สินเชื่อให้คิดที่อัตรา 70% ของราคาประเมินปัจจุบัน และในช่วงที่มีชีวิตอยู่ธนาคารยังไม่เก็บดอกเบี้ย จะมีการคำนวณดอกเบี้ยเมื่อเสียชีวิตแล้ว เช่น บ้านราคา 1 ล้านบาท ราคาประเมิน 7 แสนบาท ผู้กู้รับเงินเดือนละ 2,500 บาท เมื่อเสียชีวิตแล้วธนาคารนำเงินที่เบิกไปใช้มาคำนวณดอกเบี้บ โดยเป็นการประเมินแบบไม่ทบต้นทบดอก ในเบื้องต้นคิดดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งธนาคารได้รับดอกเบี้ยเมื่อมีการนำสินทรัพย์ไปขายทอดตลาด หรือเมื่อมีลูกหลานมาไถ่ถอนสินทรัพย์ดังกล่าว
“การดำเนินงานเรื่องธนาคารผู้สูงวัย ออมสินไม่ได้คาดว่าจะมีกำไร หากมีกำไรจะคืนไปทำกิจกรรมด้านสังคม ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารเริ่มธนาคารโครงการผู้สูงวัยด้วยการให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าเงินฝากประเภทอื่น พบว่ามีผู้สูงอายุสนใจฝากเงินกับธนาคารกว่า 2 หมื่นราย คิดเป็นเงินฝากรวมกันประมาณ 3-4 พันล้าน” นายชาติชายกล่าว
นายชาติชายกล่าวว่า ในปีนี้การดำเนินงานธนาคารเน้นภารกิจหลัก 6 ด้านสำคัญ นอกจากการช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากและธนาคารผู้สูงวัยแล้ว ธนาคารส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินในยุคดิจิทัล เช่น การทำบัญชีครัวเรือนผ่านแอพพลิเคชั่น รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก้ไขหนี้นอกระบบ มีวงเงินดำเนินการ 5,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายให้ดำเนินการเร่งด่วน ภายใต้โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ให้วงเงินกู้รายละไม่เกินครอบครัวละ 200,000 บาท ซึ่งธนาคารออมสินได้เปิดให้มีการลงทะเบียนตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2560 และจะสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ปัจจุบันมีจำนวนผู้มาลงทะเบียนรวมแล้วกว่า 140,000 ราย วงเงินรวม 6,600 ล้านบาท ยื่นเอกสารพร้อมแล้วเกือบ 100,000 ราย ธนาคารอนุมัติสินเชื่อไปแล้วกว่า 15,000 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 600 ล้านบาท อีกทั้งยังมีช่องทางให้ยื่นกู้ได้ในรูปแบบอื่น ทั้งพิโกไฟแนนซ์ และสถาบันการเงินชุมชนอีกด้วย
นายชาติชายกล่าวว่า นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องเอสเอ็มอีสตาร์ตอัพ ในปีนี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 508 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,821 ล้านบาท อีกทั้งยังสนับสนุนเงินลงทุนผ่านกองทุนร่วมลงทุนวงเงิน 2,000 ล้านบาท มีการร่วมลงทุนไปแล้ว 6 ราย คิดเป็นวงเงิน 165 ล้านบาท โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐที่สำคัญในปี 2560 ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน สินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้าน โครงการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สินเชื่อซอฟต์โลนสำหรับเอสเอ็มอีบ้านประชารัฐ โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โดยในปี 2560 ธนาคารตั้งเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อที่ 3% หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 58,000 ล้านบาท เงินฝากขยายตัว 3% หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 64,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 27,000 ล้านบาท
ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานธนาคารออมสินช่วง 4 เดือนแรกของปี 2560 (1 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2560) ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 8,656 ล้านบาท ส่วนสำคัญมาจากรายได้ดอกเบี้ย โดยสินเชื่อคงเหลือ ณ วันที่ 30 เมษายน 2560 อยู่ที่ 1,975,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากสิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 1,901,851 ล้านบาท ขณะที่เงินฝากลดลง 2.8% อยู่ที่ 2,098,321 ล้านบาท จากสิ้นปี 2559 อยู่ที่ 2,159,136 ล้านบาท ส่งผลให้สินทรัพย์รวมลดลงเล็กน้อย 0.6% จาก 2,509,588 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2559 มาอยู่ที่ 2,494,045 ล้านบาท
