ตลท. หวั่นลงทุนมีปัญหา หลังรมว.คลังชงตั้งกองทุนฯ ล้วงเงินเก็บตลาดหุ้นกว่า 8,000 ล้านบาท

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) โดยทรัพย์สินของกองทุนส่วนหนึ่งเป็นเงินประเดิมที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องโอนให้กองทุนวงเงินรวม 8,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิหลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิของตลาดหลักทรัพย์นั้น เงินจำนวน 8,000 ล้านบาทเป็นเงินกำไรสะสมที่ไม่มีภาระผูกพันที่ตลท.มีอยู่ ซึ่งแต่ละปีตลท.จะมีกำไรสุทธิประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนตัวมีความกังวลว่าในอนาคตหากจะตลท.จะต้องลงทุนขนาดใหญ่ เงินที่ใช้อาจไม่เพียงพอและอาจได้รับผลกระทบ เช่น การลงทุนระบบไอทีเพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขันที่โดยปกติแล้วจะมีการซื้อระบบทุกๆ 5 ปี

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าเงินที่จ่ายเข้ากองทุนนั้นเป็นเงินทางเดียวคือกำไรไม่น้อยกว่า 90% จากตลท. แต่คณะกรรมการที่ควบคุมดูแลเงินกองทุนก้อนนี้มาจากหลายภาคส่วนและสามารถนำไปดำเนินงานได้หลายทาง โดยคณะกรรมการประกอบด้วย ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการ ก.ล.ต. คัดเลือกและแต่งตั้งจากรายชื่อที่เสนอโดยนิติบุคคลหรือคณะบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดทุนและมิใช่คณะกรรมการกองทุน จำนวนไม่เกินหกคนเป็นกรรมการและให้ผู้จัดการเป็นเลขานุการ
ทั้งนี้ แม้กองทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงและเก็บเงินเข้ากองทุนในอัตราที่ก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็น ทางตลท.ยังยืนยันว่า จะยังคงให้ความรู้นักลงทุนและพัฒนาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มั่นใจว่ากองทุนดังกล่าวจะมีหน้าที่ หรือขอบเขตการดำเนินงานที่ชัดเจนอย่างไร เนื่องจากในขณะนี้รายละเอียดที่ระบุไว้ยังไม่ชัดเจนมากนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลตามเอกสารรับฟังความคิดเห็นของก.ล.ต.ระบุว่า การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นควรให้ มีการแก้ไขเพิ่มเติมและจัดตั้งกองทุนโดยให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ และกำหนดให้ รายรับของกองทุนไม่ต้องส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ส่วนสาเหตุที่ต้องจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเนื่องจาก ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทเป็นศูนย์กลางสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ในขณะเดียวกันก็เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในด้านการส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนของไทย ซึ่งทั้ง 2 บทบาท มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับการเติบโตของตลาดทุนและเศรษฐกิจของไทย ทั้งนี้ ภายใต้สภาวะที่มีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก และในเวลาเดียวกันประเทศไทยก็ต้องเร่งส่งเสริมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนไทยให้ก้าวทันไปกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งรับผิดชอบทั้ง 2 บทบาทดังกล่าวอาจทำให้ขาดโฟกัสที่ชัดเจนและอาจเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถทำ หน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สำหรับวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน เช่น ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ และตลาดทุน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาและเพิ่มพูนทักษะของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง การเสริมสร้างความรู้แก่ผู้ลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาและสนับสนุนการศึกษา โครงการวิจัย ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย และการพัฒนากลไกในตลาดทุนเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในลักษณะอื่น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image