ตะลึงคลังก๊าซดอนหอยหลอดสร้างได้ไง อีไอเอไม่ผ่าน ที่ดินอ้าง สค1หาย ฉลามขาวบุกตรวจ ร้องเรียนแต่ไร้คนสนใจ

วันที่ 12 มิถุนายน ที่ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แหลมใหญ่ ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)นำโดยนายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดฉลามขาว โดยก่อนหน้าได้ร่วมประชุมกับ พล.อ.ณรงค์ บัวคำ รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) จ.สมุทรสงคราม นายอมรศักดิ์ ฉัตระพิน นายก อบต.แหลมใหญ่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ปกครอง และตำรวจชุดปฏิบัติการ ปทส. เพื่อเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนท้องที่ ต.แหลมใหญ่ ซึ่งมีการสร้างสะพานรุกล้ำป่าชายเลน รวมทั้งมีการก่อสร้างคลังก๊าซ ในพื้นที่ชุมชน คลองน้อย หมู่ที่ 7

นายรัชชัย กล่าวว่า ทช.ได้รับการร้องเรียน จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่ามีการก่อสร้างคลังก๊าซ ในพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเบื้องต้น ตรวจพบก่อสร้างเกินโฉนดที่ดิน โดยมีการขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า แต่ไม่ได้ขอยกเว้นจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างสะพานยื่นไปในทะเล คร่อมปากน้ำแม่กลอง มีความยาว 300 เมตร ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าชายเลนที่สมบูรณ์ มีทั้งป่าโกงกาง ป่าแสม และป่าจาก

“ที่สำคัญ การก่อสร้างดังกล่าว ยังอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับดอนหอยหลอด ที่เป็นแหล่งป่าชายเลนที่สมบูรณ์ การก่อสร้างอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญการก่อสร้างในพื้นที่ทับซ้อนโดยหลักการแล้วไม่สามารถทำได้ แม้บริษัทเอกชนอ้างว่า จะได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าก็ตาม แต่ท้ายหนังสือก็ได้มีการระบุว่า ต้องสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ที่สำคัญจะต้องขอยกเว้นมติครม.เมื่อ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 และขออนุญาตใช้ประโยชน์ให้เป็นไปตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเอกชนนั้นจะ ไม่สามารถขอยกเว้นมติครม.ได้อยู่แล้ว มีแต่หน่วยงานรัฐเท่านั้นที่ขอได้ แต่จะได้รับการอนุมัติ น้อยมาก ดังนั้น ไม่ทราบว่า บริษัททำได้อย่างไรโดยไม่ขออนุญาต”นายรัชชัย กล่าว

Advertisement

จากนั้นนายรัชชัย พร้อมทหาร จาก ศปป.4 กอรมน.เจ้าหน้าที่ปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 60 นาย ได้ลงพื้นที่ บริเวณที่มีการก่อสร้างคลังก๊าซแหลมใหญ่ ในพื้นที่ชุมชนคลองน้อย หมู่ที่ 7 ต.แหลมใหญ่ พบคนงานกำลังก่อสร้างคลังก๊าซขนาดใหญ่ จำนวน 4 คลัง รวมทั้งมีการก่อสร้างสำนักงานในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชายเลนสมบูรณ์ เป็นป่าโกงกางขนาดใหญ่ เต็มพื้นที่ ขณะที่ด้านติดทะล มีการก่อสร้างถนนเพื่อสร้างสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่ พบรถแบ็คโฮ และโป๊ะขนาดใหญ่สำหรับขนวัสดุก่อสร้าง ตั้งขนานกับตัวสะพาน โดยสะพานสร้างคร่อมปากแม่น้ำแม่กลอง ด้านขวามือเป็นป่าโกงกางสมบูรณ์ และมีแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่น ขณะที่ด้านซ้ายมือก็เป็นป่าชายเลนสมบูรณ์ และมีแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นเช่นกัน ถัดออกไปสามารถมองเห็นดอนหอยหลอดอย่างชัดเจน

เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพื้นที่ก่อสร้าง พบนายพลศิลป์ จารุภาชน์ ผู้จัดการบริษัท อินเทนซีฟ เมคคานิคส์ จำกัด พร้อมกับทนายความ ได้มาแสดงตัวว่าเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งนำโฉนด 3 แปลง พื้นที่ 45 ไร่ มาแสดงเป็นหลักฐาน ว่า การก่อสร้างดังกล่าวทำอยู่บนโฉนด รวมทั้งระบุว่ามีใบอนุญาต จากกรมเจ้าท่า ให้สามารถสร้างสะพานไปในทะเลได้

Advertisement

นายรัชชัย พร้อม กับพล.อ.ณรงค์ จึงได้ขอตรวจสอบพื้นที่ โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการรังวัดพื้นที่ รวมทั้งจับพิกัด จีพีเอส นอกจากนี้ก็มีการนำเอาโดรน ยานบินไร้คนขับ บินขึ้นไปตรวจสอบพื้นที่มุมสูง เพื่อหาพิกัดว่ามีการก่อสร้างพื้นที่เกิดกว่าโฉนดที่มีอยู่หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบ ลำรางสาธารณะประโยชน์ และการก่อสร้างท่าเทียบเรือรุกล้ำลงไปในทะเลกว่า 300 เมตร ทั้งนี้ระหว่างการตรวจสอบ บริษัทดังกล่าวยังมีการก่อสร้างโดยการตอกเสาเข็ม และก่อสร้างส่วนอื่นๆ เช่น เทปูน โดยไม่มีการหยุดดำเนินการแต่อย่างใด ทั้งนี้ ใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ

นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 (ชลบุรี) ทช. กล่าวว่า กล่าวว่า ทช.ได้รับการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการก่อสร้างคลังก๊าซ และท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ ว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าชายเลน และดอนหอยหลอด ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงจากการก่อสร้าง ทั้งเรี่องกระแสน้ำ และตะกอนดิน ที่ต้องเปลี่ยนแปลง

ขณะที่นายรัชชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น โดยดูจากสารระบบ การแปลภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ปี 2497 พื้นที่ที่มีการก่อสร้างยังเป็นป่าชายเลน ที่อุดมสมบูรณ์ แต่หลังจากปี 2534 พบว่า เริ่มมีการบุกรุกและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า นอกจากนั้น จากการดูหลักฐานโฉนด นส.3 ที่ทางบริษัทนำมาแสดง ก็ต้องตรวจสอบว่าออกมาโดยชอบหรือไม่ เนื่องจากตรวจพบว่ามีการเปลี่ยนแปลง ชนิดโดยสิ้นเชิง จากเอกสาร หลักฐานเดิม ที่สำคัญ สค 1 ที่เป็นตัวบ่งที่ ที่มาของโฉนดดังกล่าว พบว่า เจ้าหน้าที่ที่ดินบอกว่าหายสาบสูญไปแล้ว ดังนั้น จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าโฉนดที่นำมาแสดง ออกโดยชอบหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ โดยจากนี้จะรวบรวมหลักฐานเอกสารทั้งหมด ให้อธิบดีทช. เพื่อขอให้ระงับการก่อสร้างท่าเทียบเรือก่อน ตามมาตรา 17 จนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะที่นายพลศิลป์ กล่าวว่า บริษัท สร้างคลังก๊าซขนาดใหญ่จำนวน 4 ถัง บรรจุก๊าซได้ถังละ 2 ล้านลิตร รวมทั้งสร้างท่าเทียบเรือเพื่อนำก๊าซไปส่งใน จังหวัดภาคใต้ ยืนยันว่าการก่อสร้างทำถูกต้องทุกอย่าง โดยอีกไม่เกิน 60 วัน การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ

นายยรรยงค์ ฉัตรระพิน กำนัน ต.แหลมใหญ่ กล่าวว่า การก่อสร้างดังกล่าวชาวบ้านทักท้วงไม่เห็นด้วยมาตลอด เพราะไม่มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และกระทบกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน แต่ไม่มีใครฟังคำทักท้วง เคยร้องไปทุกที่ โดยเฉพาะคณะกรรมการน่านน้ำ ของจังหวัด แต่ก็ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครอยากให้คลังก๊าซกับท่าเทียบเรืออยู่ในพื้นที่ อยากให้ยกเลิกการก่อสร้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมา กสม.ได้ส่งหนังสือไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างดังกล่าวทุกหน่วย รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยกเลิกการก่อสร้างดังกล่าว แต่ก็ไม่มีการตอบรับ หรือให้ตรวจสอบใดๆกลับมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image