ผอ.โรงเรียนบ้านหนองคล้ายังคงกบดานเงียบ กล้องวงจรปิดมัดตัวชัดฆ่ารัดคอสาว

ความคืบหน้ากรณีที่นายวินิจ อัครสุวรรณกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคล้า ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าทุบหัวและรัดคอนางสาวลัดดา จินดาแก้ว อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เสียชีวิตคาห้องน้ำของโรงเรียนบ้านหนองคล้า หมู่ 7 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ ขณะพาลูกชายวัย 7 ขวบ ไปเล่นฟุตบอลและเครื่องเล่นที่สนามหญ้าของโรงเรียน ระหว่างรอลูกได้เดินไปเข้าห้องน้ำหลังโรงเรียน แล้วถูกคนร้ายลงมือทำร้ายทุบศีรษะและรัดคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นนายวินิจได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 5 แสนบาท และได้หลบลี้หนีหน้าไม่ประสงค์จะพบใคร แม้แต่ผู้บังคับบัญชา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม เมื่อเวลา 09.00 น. ทีมสื่อมวลชนได้เดินทางไปยังบ้านภรรยานายวินิจ ตั้งอยู่เลขที่ 12/1 หมู่ 7 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่านายวินิจน่าจะย้ายมาพักอาศัย เนื่องจากบ้านพักในพื้นที่ ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ภายในบ้านมีญาติที่อาศัยบอกเพียงว่า นายวินิจไม่ได้มาพักอาศัยบ้านหลังนี้ เพราะมีบ้านที่ตำบลเขาวิเศษ หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้มาอาศัยแต่อย่างไรข่าวที่ปรากฎขึ้นกระทบต่อจิตใจบรรดาญาติเป็นอย่างมาก ทั้งที่นายวินิจยังเป็นผู้บริสุทธิ์

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านนายวินิจ ณ บ้านเลขที่ 299 หมู่ 21 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ปรากฎว่าประตูบ้านปิดเงียบเช่นกัน โดยบริเวณประตูหน้าบ้านมีบิลเรียกเก็บค่าไฟเสียบอยู่บริเวณกุญแจประตูรั้วบ้าน ซึ่งคาดว่านายวินิจ ไม่ได้อาศัยมาตั้งแต่เกิดเหตุเช่นกัน นอกจากนี้บรรยากาศในงานตั้งบำเพ็ญกุศลศพนางสาวลัดดา (ผู้ตาย) บรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงญาติๆ นั่งรอต้อนรับแขก โดยกำหนดให้มีการฌาปนกิจศพ วันที่ 3 สิงหาคม

นายสมจิต ชัยเพชร ซึ่งเป็นนักการภารโรง โรงเรียนบ้านหนองคล้า สถานที่เกิดเหตุ กล่าวว่า บ้านตนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าโรงเรียน เปิดเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดหลายตัว โดยตัวที่ติดบริเวณหน้าบ้านหันส่องไปบนถนน ซึ่งทางตำรวจได้นำภาพที่ปรากฏในกล้องเป็นพยานหลักฐานชิ้นหนึ่ง ตนไม่ทราบว่าพบอะไรในกล้องบ้าง อย่างไรก็ตามตนได้ให้ปากคำเท่าที่อยู่ในเหตุการณ์ตามความเป็นจริง ส่วนคดีทางตำรวจก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว

Advertisement

ด้านนายจรินทร์ รักษ์นุ้ย รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา จังหวัดตรัง เขต 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการความผิดทางวินัยที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนายวินิจ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เป็นอำนาจหน้าที่ของนายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ ศึกษาธิการจังหวัดตรัง คาดว่าวันที่ 31 กรกฎาคม คงมีคำสั่งออกมาเป็นทางการ

นายจรินทร์กล่าวอีกว่า ตนได้เซ็นคำสั่งให้นายวินิจมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานเขตการศึกษา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการสอบสวน และขอยืนยันว่ายังไม่มีคำสั่งพักราชการนายวินิจแต่อย่างใด และในวันที่ 31 กรกฎาคม นายวินิจจะต้องเดินทางมารายงานตัว หากไม่มาต้องมีเหตุผลเพียงพอ ไม่แล้วจะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา จะมีความผิดทางวินัยด้วย
“นายวินิจยังถือว่าอยู่ในราชการ ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจะต้องแสดงเจตนาและปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ การสอบสวนก็ว่ากันไป การสอบสวนมีหลายด้าน ไม่ว่าจะเน้นดูพฤติกรรมการที่ถูกกล่าวหาว่ามีมูลเหตุเป็นจริงหรือไม่ ปัญหาในที่ทำงานหรือไม่ ตลอดจนย้อนไปดูภูมิหลังด้วย การสอบสวนจะให้ความสำคัญกับครู ผู้ปกครอง และกรรมการการศึกษา และคนอื่นๆ ตามเห็นสมควร ในส่วนของระยะเวลานั้นไม่ได้วางกรอบไว้ แต่จะมีการสอบสวนควบคู่ไปกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นายจรินทร์กล่าว

นายจรินทร์กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกตกใจ และไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนเคยทำงานร่วมกันมาก่อน นายวินิจไม่เคยประพฤติเสื่อมเสีย ทำงานดี มีจิตอาสา และยังเป็นประธานกลุ่มโรงเรียน ช่วยเหลือกลุ่มมาโดยตลอด จึงไม่คิดว่านายวินิจจะทำแบบนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นตนไม่ทราบเรื่องส่วนตัวของนายวินิจเช่นกัน

Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 31 กรกฎาคม ที่กำหนดให้นายวินิจเดินทางไปรายงานตัวที่สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาตรัง เขต 2 บรรดาสื่อมวลชนจะเดินทางไปปักหลักคอยนายวินิจ เนื่องจากที่ผ่านมานายวินิจไม่มีความประสงค์จะพบใครแต่อย่างใด และไม่มีใครทราบว่านายวินิจไปอาศัยอยู่ที่ไหน กับใคร แต่ด้วยระเบียบตามคำสั่งนายวินิจจะต้องเข้ารายงานตัว ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดข้อหาขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาอีกกระทงหนึ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image