จัดมาเป็นชุด มรสุม ชินวัตร มรสุม การเมือง

อาจจะเป็นเหตุบังเอิญ

ที่คดีความและเหตุการณ์ทางการเมืองไม่ว่าจะฟากฝ่ายไหน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แต่เพราะความต่อเนื่องของเหตุการณ์ต่างๆ นี้เอง

หากไม่ถูกตีความให้มี “นัยยะ” ว่าเป็นการ “ส่งสัญญาณ” อย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมือง

Advertisement

ก็เปิดประเด็นใหม่ให้เป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกอารมณ์

ไม่ว่าจะจากฝ่ายใด และด้วยความรู้สึกไหน

ที่คิดกันว่า เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หายเข้ากลีบเมฆไป บรรยากาศทางการเมืองจะลดต่ำลง

Advertisement

ก็อาจจะไม่แน่เสียแล้ว

กรณีการต้องโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญาของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย

แม้จะเป็นเรื่องอันเนื่องมาจากข้อหาการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ

แต่อย่าลืมว่าต้นตอของเรื่องดังกล่าวคือกรณีซื้อขายที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์

อันเชื่อมโยงกลับไปได้ถึง นายทักษิณ ชินวัตร

กรณีศาลฎีกาเห็นชอบตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เห็นว่าคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นจำเลย

ไม่อยู่เขตอำนาจศาล

คำถามที่ตามมาในใจของคนจำนวนไม่น้อยก็คือ หากคดีฆาตกรรมแปรสภาพเป็นคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ชีวิตที่สูญเสียไปจะทวงถามความยุติธรรมจากที่ใด

ไปจนถึงกรณีการยกคำคมของ “มองแต็สกิเยอ” ปราชญ์ชาวฝรั่งเศสที่ว่าด้วยความยุติธรรม มาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของ นายทักษิณ ชินวัตร

ซึ่งเป็นไปตามคาด

คือสามารถเรียกปฏิกิริยาตอบโต้จากอีกฝ่ายได้อย่างอื้ออึง

และภาพของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นประมาท ที่ต้องโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี

เดินออกจากเรือนจำมาศาลในสภาพ “เท้าเปล่า” บนพื้นซีเมนต์ระอุ

คำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมราชทัณฑ์ว่า การไม่ให้นักโทษหรือผู้ต้องหาใส่รองเท้า-แม้กระทั่งรองเท้าแตะ

เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุใช้รองเท้าปาเข้าใส่ผู้พิพากษาในห้องพิจารณาคดี

ซึ่งเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีกเช่นกัน

ทั้งในแง่ “ชะตากรรมเปรียบเทียบ” กับใครบางคนในบางคดี

และในแง่สิทธิมนุษยชนอันควรจะเป็น

ล่าสุด ในโลกออนไลน์ปลิวว่อนด้วยเอกสารร้องทุกข์ของ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ

ค้านคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่สั่งย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ สำนักนายกฯ

ระบุด้วยว่า สาเหตุที่ถูกสั่งย้ายเป็นเพราะไม่ยอมแจ้งข้อหารับของโจรต่อ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ

ในคดีการทุจริตอนุมัติปล่อยกู้ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับ กลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร

เนื่องจากตรวจสอบแล้วพยานหลักฐานไม่ถึง แต่ข้าราชการระดับสูงของดีเอสไอ ไม่ยินยอมและสั่งการให้ฟ้องคดีไปก่อน

แล้วค่อยให้ผู้ต้องหาแก้ต่างเอาเอง

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า

คดีของดีเอสไอมีพนักงานสอบสวนจากสำนักงานอัยการเข้ามาร่วมด้วย การจะแทรกแซงคดีคงเป็นไปไม่ได้

แต่เรื่องนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อชี้แจงอีกครั้ง

ข้อน่าสังเกตในกรณีนี้ก็คือ

คำสั่งย้าย พ.ต.ท.สมบูรณ์ นั้น ลงวันที่ 1 พ.ย.2559

ส่วนหนังสือขอความเป็นธรรม ลงวันที่ 29 พ.ย.2559

ผ่านไปแล้วร่วม 10 เดือน

ไฉนหนังสือร้องเรียนดังกล่าว จึง “บังเอิญ” เผยแพร่ออกมาได้

เป็นความบังเอิญโดยแท้หรือไม่

ไม่นับว่า จนถึงปัจจุบันรัฐบาล และ คสช.ยัง “พัลวัน” กับการปฏิเสธว่า

ไม่ได้รู้เห็น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

และยัง “มะงุมมะงาหรา” ในสายตาสังคม กับการติดตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง

ก่อน 27 ก.ย.2560 ยังเป็นเช่นนี้

หลังมีคำพิพากษาออกมาแล้ว

จะเป็นเช่นไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image