“เงินบาทฟื้นตัวเล็กน้อย หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวนช่วงปลายสัปดาห์”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนที่ 33.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยหนุนของเงินดอลลาร์ฯ จากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ระบุย้ำความจำเป็นของเฟดที่จะต้องทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ทิศทางเงินเฟ้อจะไม่แน่นอน นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกจากการเปิดเผยแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เงินบาททยอยอ่อนค่าสอดคล้องกับแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย ก่อนจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันก่อนสิ้นไตรมาสของนักลงทุน และอาจจะมีแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของผู้ส่งออกด้วยเช่นกัน
สำหรับในวันศุกร์ (29 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 33.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 ก.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.25-33.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดอื่นๆ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขดัชนี PMI เดือนก.ย. ของประเทศชั้นนำอื่นๆด้วยเช่นกัน
ส่วนตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวนช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,673.16 เพิ่มขึ้น 0.85% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงประมาณ 11.13% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 56,833.86 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 570.66 จุด ลดลง 0.72% จากสัปดาห์ก่อน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสำหรับไตรมาส 3/2560 ตลอดจนปี 2561 จะออกมาดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ช่วงปลายสัปดาห์ SET ค่อนข้างผันผวน แต่ปิดขยับขึ้นได้ในวันศุกร์ ตามแรงซื้อหุ้นของกลุ่มสถาบัน แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นไทยเพื่อปรับโพสิชันก่อนสิ้นไตรมาส ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ก็ได้รับแรงหนุนภายหลังนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,660 และ 1,645 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,690 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือนก.ย. ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือนก.ย. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนก.ย. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ อาทิ รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ผลการประชุมนโยบายการเงินออสเตรเลีย และดัชนี PMI ภาคการผลิตของประเทศแถบยุโรปและญี่ปุ่นเดือนก.ย.
