ผบ.ทร.ตรวจการผลักดันน้ำท่าจีนลงปากอ่าวมหาชัย ส่งเรือ 55 ลำ-กำลังพลช่วย บรรเทาน้ำท่วม”สุพรรณบุรี”

เมื่อเวลา 17.00น. วันที่ 24 ตุลาคม 2560 ที่จ.สมุทรสาคร พลเรือเอกนริศ ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ พร้อมนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน ตลอดจนเจ้ากรมอู่ทหารเรือและคณะ เดินทางมาตรวจการดำเนินการผลักดันน้ำของกองทัพเรือในแม่น้ำท่าจีน (ตอนล่าง) พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่บริเวณริมแม่น้ำท่าจีน หน้าวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งอยู่ในส่วนของพื้นที่ปลายแม่น้ำท่าจีนใกล้ปากอ่าวมหาชัย โดยมีนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมส่วนราชการ รายงานข้อมูลพลเรือเอกนริศ กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับเพิ่มมากขึ้นและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนพี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2560 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ โดยอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ได้จัดส่งขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำ 22 ลำ พร้อมกำลังพล 80 นายเดินทางมายังจังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินการติดตั้งเรือผลักดันน้ำบริเวณสะพานแม่น้ำท่าจีน 15 ลำ เพื่อผลักดันน้ำจากในแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้ระบายลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น “สำหรับวันนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สนับสนุนเรือผลักดันน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดสมุทรสาคร ตามที่ได้รับการร้องขอจากกรมชลประทานอีก 33 ลำ รวม 55 ลำ ซึ่งได้แบ่งการปฏิบัติหน้าที่ออกเป็นทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ 1.สะพานบางยาง 10 เครื่อง , 2.สะพานพุทธสาคร (เชื่อมต่อถนนสายใยรัก) 20 เครื่อง โดยจุดที่ 1 และ 2 มีอู่ทหารเรือธนบุรีเป็นผู้รับผิดชอบ 3.สะพานบางปลา 10 เครื่อง และ 4.สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน ถนนพระราม 2 จำนวน 15 เครื่อง ซึ่งในจุดที่ 3 และ 4 มีอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า เป็นผู้รับผิดชอบ หลังจากดำเนินการติดตั้งเป็นที่เรียบร้อย เครื่องผลักดันน้ำจะสามารถช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเลได้รวดเร็วกว่าปกติ โดยมีอัตราการพ่นน้ำเครื่องผลักดันน้ำ 1 เครื่องสามารถผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวัน หรือ 23 ลบ.ม.ต่อนาที ด้วยความแรงของน้ำที่ออกจากเครื่องพ่นน้ำบริเวณท้ายจะสามารถดึงน้ำรอบๆ ตัวไปได้อีก 3 เท่า และมีอัตราการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิง 25ลิตร/ชั่วโมง ซึ่งจะดำเนินการจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมด้านบนจะคลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติ”พลเรือเอกนริศ กล่าวนายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม่น้ำท่าจีนมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 325 กิโลเมตร ปัจจุบันปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีนเพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งการผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีนลงสู่ทะเลที่บริเวณปากอ่าวมหาชัย จ.สมุทรสาคร จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงช่วยเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้ไหลลงสู่ทะเลโดยเร็วต่อไป
ส่วนนายประภัสสร์ มาลากาญจน์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครยังอยู่ในภาวะไม่น่าเป็นห่วง แม้ระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนจะสูงขึ้น แต่เนื่องจากเป็นตอนปลายของแม่น้ำท่าจีน จึงมีระดับน้ำขึ้นลงเป็นปกติ แต่ทั้งนี้ได้ให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัด ติดตามสถานการณ์ และรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หากเกิดกรณีฉุกเฉินจะแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนได้ทันท่วงที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image