นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุม กนง. ครั้งที่ 7/2560 ว่า กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดย กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนในประเทศ การลงทุนภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจแม้ชะลอลงบ้างตามการเบิกจ่าย การลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ขณะที่การบริโภคเอกขนยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่รายได้ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน รวมทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) อาจยังไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นเล็กน้อยตามราคาอาหารสดและราคาพลังงานที่ทยอยปรับสูงขึ้น ระยะต่อไปอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ และการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิต รวมถึงผลกระทบจากมาตรการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่อาจมีต่อค่าจ้างแรงงานในระยะข้างหน้า คาดว่าจะเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย 1-4% ในช่วงกลางปี 2561
นายจาตุรงค์ กล่าวว่า กนง. ยังให้ติดตามสถานการณ์ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีแนวโน้มผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ และการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจ รวมทั้งติดตามความเสี่ยงพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน เช่น การลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ยังเติบโตสูง แนวโน้มการลงทุนต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและธุรกิจเอสเอ็มอี
“การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้น กนง. เห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ ซึ่งการประชุม กนง. ครั้งสุดท้ายของปี 2560 วันที่ 20 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปีนี้และปี 2561 ใหม่ และตัวเลขเงินเฟ้อ มาตรการช็อปช่วยชาติที่ออกมาว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใด รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ติดตามอยู่ว่าจะมีผลต่อค่าจ้างแรงงานหรือไม่” นายจาตุรงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม กนง.ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ นายคณิศ แสง สุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และ นายสุภัค ศิวะรักษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เข้าร่วมประชุม หลังจากที่เข้าได้รับการสรรหาจากที่ประชุมคณะกรรมการธปท. แต่งตั้งให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กนง. มีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกรวม 4 คน โดยอีก 2 คน คือ นายปรเมธี วิมลศิริ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ประธานกรรมการบริหาร สถาบันอนาคตไทยศึกษา
