จากกรณีนายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ ร้องสื่อมวลชนว่าลูกชายคือ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตในวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียดจากผู้เกี่ยวข้อง ได้รับเพียงใบมรณบัตรชี้แจงสาเหตุการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จากนั้นทางพ่อแม่ได้นำพร้อมนำศพของนายภคพงศ์ไปชันสูตรหาสาเหตการเสียชีวิตพบว่า อวัยวะภายในทั้ง ตับ ไต ไส้ พุง หายไปทั้งหมด ส่วนที่กะโหลกศีรษะมีกระดาษทิชชูยัดไว้ สมองหายไป นอกจากนี้ยังตรวจพบกระดูกซี่โครง 4 ซี่หัก และมีรอยช้ำภายในช่องท้องด้านขวา ขณะที่ทางกองทัพออกมาแถลงในวันนี้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการทำร้ายร่างกาย และล่าสุดมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ สุนทรศร อดีตรอง ผบก.ขส.บช.ปส. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Bhakbhum Soonthornsorn” ระบุว่า
สมัยเป็นนักเรียน จวบจนได้มาทำหน้าที่ผู้บังคับกองร้อยนักเรียนสาย ตชด
การถูกจวกหรือการซ่อม จะทำแค่เพียง ดันพื้น พุ่งเท้า วิ่ง กลิ้ง หมอบคลาน ม้วนหน้า ม้วนหลัง กระโดดตบเท่านั้น แม้แต่ท่าสก็อตจั๊มก็ใช้ลงโทษไม่มากเพราะจะทำให้หัวเข่าเสียในอนาคต
โดยเฉพาะนักเรียนใหม่ ท่าพิศดารจะไม่กระทำเด็ดขาด และห้ามแตะต้องตัว
คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ห้ามซ่อมนักเรียน ยกเว้นผู้รับการฝึกกระทำความผิดซึ่งหน้า นั่นคือ “บรรทัดฐานของการธำรงวินัย” ที่อยู่ในขอบเขต
ปัญหา คือ รุ่นพี่ที่ไม่เกี่ยวข้องในการปกครองมักรวมตัวกันเป็นกองโจร แอบจวกรุ่นน้อง และมักนำท่าพิสดารมาใช้ อันเกินจุดที่ร่างกายจะรับไหว
ผู้ที่ถูกซ่อมจะไม่มีใครออกมาโวยวาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ปิดปากเงียบ
ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของนักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิต
ทุกคนที่เข้ามาล้วนเต็มใจตายในสนามรบหรือหลักสูตรพิเศษ ไม่ใช่ตายจากความเมามันของคนบางคน
ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ควรพูดให้ถูกกาละเทศะด้วย
สมัยเป็นนักเรียน จวบจนได้มาทำหน้าที่ผู้บังคับกองร้อยนักเรียนสาย ตชดการถูกจวกหรือการซ่อม จะทำแค่เพียง ดันพื้น พุ่งเท้า ว…
โพสต์โดย Bhakbhum Soonthornsorn บน 22 พฤศจิกายน 2017