ผู้เขียน | จันทร์รอน |
---|---|
เผยแพร่ |
ท่านผู้เข้าถึงธรรมทั้งหลายยืนยันว่า เหตุแห่งทุกข์ ล้วนมาจาก ความยึดติด
เมื่อใจไปยึดติดกับสิ่งใดเข้า ย่อมอยากได้สิ่งนั้นมา ได้มาแล้วก็ปรารถนาจะรักษาสิ่งนั้นไว้ให้อยู่กับตน หากไม่ได้มา หรือได้มาแต่รักษาไว้ไม่ได้ ใจจะเศร้าโศก หม่นหมอง
และเนื่องจากสรรพสิ่งล้วนอนิจจัง ที่สุดแล้วไม่มีใครรักษาอะไรไว้ได้ตลอดไป ซึ่งโดยความเป็นจริงทุกสิ่งอย่างแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เมื่อไปยึดติดกับธรรมชาติที่แปรเปลี่ยน ความรู้สึกว่าสิ่งที่ไปยึดติดไว้ไม่เหมือนเดิมจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา ก่อความหวาดระแวง และปรุงแต่งเป็นอารมณ์สารพัดมาย้อมใจ แม้จะมีบ้างที่แปรเปลี่ยนไปในทางสมใจกว่า แต่ส่วนใหญ่จะไปสู่สภาวะที่ไม่อยากให้เป็นไป อันนำมาซึ่งความหม่นเศร้า
ละ ความยึดติด เสียได้ ผู้เข้าถึงปรีชาญาณทั้งหลายเห็นตรงกันว่าคือหนทางสู่สุขสงบ
ทว่านั่นช่างยากเย็น
หากแบ่งชีวิตคนเป็นสามวัย วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว และวัยแก่เฒ่า
วัยเด็ก ดูจะไม่ได้สัมผัส ความยึดติด วัยเยาว์มีอารมณ์อยู่กับปัจจุบันขณะ ถูกใจก็หัวเราะ ไม่พอใจก็ร้องไห้ ร้องไห้ทั้งหัวเราะ หัวเราะทั้งน้ำตา กอดเพื่อนที่เพิ่งลงไม้ลงมือทะเลาะกันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
ไอศกรีมแท่งเดียวก็ละทิ้งพ่อแม่ไปกับคนไม่รู้จัก
ทุกข์ สุข แค่ประเดี๋ยว ประด๋าว ดำเนินสอดคล้องไปกับความแปรเปลี่ยน
สัมผัสไม่ถึงความยึดติดใดๆ
ลื่นไหลอยู่ในความเป็นจริงทุกขณะจิต ที่ตาเห็น
หูได้ยิน กายได้สัมผัส
วันเวลาค่อยๆ พาจิตใจเปลี่ยนแปลงไป เมื่อถึงวัยหนุ่มสาวเข้าสู่โลกแห่งอนาคต อยู่กับความคิดฝันอยากได้สิ่งโน้น อยากไปถึงสิ่งนี้ อยากเป็นอย่างนั้น มองหาต้นแบบความฝัน จินตนาการเฟื่องฟุ้ง เปี่ยมด้วยพลังที่จะเคลื่อนสู่ปรารถนาที่คิดฝันไว้
ทดลอง ท้าทาย ทุ่มเท
ความฝันงดงามมีค่ากว่าทุกสิ่ง ดิ้นรนพยายามไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอให้มีความฝันชัดๆ ที่เชื่อมั่นว่าเป็นจริงได้
ทุกข์เศร้าจะมีบ้างก็ด้วยฝันนั้นไกลจนใจท้อเมื่อปรับความเป็นสิ่งของชีวิตเข้าหาไม่ถึง เหมือนต้องอยู่กับไม้ที่สั้นเกินกว่าจะสอยให้ดึงดาวดวงที่ปรารถนา มีแต่ต้องดิ้นรนหนักหน่วง จนท้อนั้นทำให้ใจอ่อนล้า
แต่ถึงอย่างไร วัยหนุ่ม วันสาวย่อมสุขกับการวิ่งเข้าใส่อนาคต
ทว่าแท้จริงแล้ว ความฝันอันจินตนาการจากแรงกระตุ้นของปรารถนา ย่อมล้วนเป็นมายา
คิดนึกเอา
ต่างคนต่างคิดนึก หลงเชื่อว่าเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ
ความฝันนำพาแยกย้ายกันไปหลากหลายเส้นทาง ล้มเหลว สำเร็จ เปรียบเทียบ แข่งขัน ร่วมมือ ร่วมใจ ขัดแย้ง ขัดขวาง ชื่นชม หมิ่นแคลนเข้าใส่กัน แล้วแต่จะเสียดทานกระทบกันอย่างไรระหว่างเส้นทางที่ต่างทะยานไป
เป็นวันวัยชีวิตที่คละคลุ้งไปด้วยโกลาหล
มีบางที่ยังยึดโยงอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตในปัจจุบันขณะ แต่ส่วนใหญ่หลุดลอยไปไกล กระทั่งแปลกแยกต่อความเข้าใจในอารมณ์ปัจจุบัน เสียงหัวเราะเหมือนสุข แต่เศร้าลึกในแววตา ที่หาความเข้าใจไม่เจอ
ว้าเหว่อ้างว้างนั้น ก่อสายใยเข้าโยงมากมาย ก่อเกิด ความยึดติด กับสารพัดสิ่ง
ความยึดติด ที่ ผู้เข้าถึงธรรม ทั้งหลายชี้ว่าเป็นเหตุแห่งทุกข์
กระทั่งเมื่อเข้าสู่ วัยแก่เฒ่า
วันเวลาที่ผ่านก่อเกิดประสบการณ์นำสู่ความเข้าใจชีวิต พบมาก เห็นมาก ได้ยิน ได้สัมผัส ได้นึกคิดตรึกตรองมาก ก่อความรู้เพิ่มพูน
หันมองความเป็นมา ทำความเข้าใจกับตัวเอง
จึงเป็น วัยที่ย้อนคืนอดีต
ทว่า วัยคืนอดีต นี่ยังแตกต่าง
บ้างย้อนคืนเพื่อปลดสายโยงจาก ความยึดติด ทั้งหลาย
มีไม่น้อยที่ย้อนคืน แล้วยัง หลงปรุงความยึดติดนั้นต่อ
อาทิตย์หน้า มาขยายความตรงนี้กัน