‘ผอ.อ.ต.ก.’ลงพื้นที่’นครพนม’ ตรวจสินค้าเกษตรอินทรีย์ ยกระดับเกษตรกรไทยสู่’ตลาดโลก’

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่บริเวณวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อการเกษตร พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามคุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ ภายใต้ตราสัญลักษณ์ข้าวสุข ที่กลุ่มเกษตรกรจังหวัดนครพนมส่งจำหน่ายยังตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ขององค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เพื่อยกระดับมาตรฐานการเกษตรของไทยให้เติบโตสู่ตลาดโลก

นายกมลวิศว์เผยว่า ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ภายใน อ.ต.ก.เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบถาวรแห่งแรกในประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 450 ตารางเมตร โดยมีเกษตรกรนำสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่หลากหลายมาจำหน่าย ถือเป็นการพัฒนาเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์แก่ผู้บริโภค

เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับทั้งมาตรฐานสินค้าเกษตรไทย และผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กันให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้มาตรฐานพร้อมแข่งขันกับตลาดโลก โดยเกษตรกรในจังหวัดนครพนมก็ได้นำเอาสินค้าเกษตรอินทรีย์ไปจำหน่าย คือข้าวอินทรีย์จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ในตราข้าวสุข หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค

Advertisement

ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์ข้าวสุข ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง มีมาตรฐาน ได้คุณภาพ และมีความปลอดภัยไร้สารเคมี ตั้งแต่ ขั้นตอนของการเตรียมดิน, การคัดเมล็ดพันธุ์, การเพาะปลูกข้าว, การกำจัดศัตรูข้าว, การเก็บเกี่ยว, การแปรรูป และการบรรจุหีบห่อ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ จึงนำคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามในครั้งนี้

จากการลงพื้นที่นอกจากได้เห็นถึงขั้นตอนการผลิตที่มีความปลอดภัย ภายใต้การนำเอาองค์ความรู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับใช้กับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการผลิตข้าวอินทรีย์แบบมีคุณภาพได้มาตรฐาน ที่สำคัญคือช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังพบว่ากลุ่มเกษตรกรจังหวัดนครพนมได้มีการร่วมกลุ่มกันปลูกพืชอินทรีย์ชนิดอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีก

Advertisement

ไม่ว่าจะเป็นผักสลัด เห็ดชนิดต่างๆ รวมถึงการเลี้ยงหมู การเลี้ยงปลาดุก ซึ่งคาดว่าในอนาคตคงมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ไปจำหน่ายในตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ขององค์การตลาดเพื่อการเกษตรเพิ่มอีกอย่างแน่นอน นับเป็นการพัฒนาต่อยอดการเกษตรแบบอินทรีย์อย่างยั่งยืนอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image