ส่องยุทธศาสตร์ การสร้างเมืองใหม่ เปิดประสบการณ์ธุรกิจจากจีนสู่ไทย

King wai City Oasis Baoshan ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพึงพอใจจากรัฐบาลจีน

นับตั้งแต่อดีต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยกับจีน ดำเนินไปอย่างราบรื่นเสมอมา อาจจะด้วยปัจจัยทางวัฒนธรรมของประชากรเองที่ประเทศไทยก็มีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก หรือหากจะกล่าวถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลก็เป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่หลายโครงการใหญ่ของไทยเลือกใช้การผลิตสร้างจากประเทศจีน ตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยอย่างรถไฟความเร็วสูง ที่จีนก็พิสูจน์ให้เห็นศักยภาพในการผลิตและใช้งาน หรือแม้แต่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างเรือดำน้ำ ที่ไทยเพิ่งตกลงซื้อจากจีน

เช่นเดียวกับมูลค่าการค้าขายของทั้งสองประเทศที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม จนจีนกลายเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย ปี 2559 มูลค่ากว่า 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มขึ้นในปี 2560 คือ 7.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

หรือแม้แต่การท่องเที่ยว ก็มีการแลกเปลี่ยนกันของทั้งสองประเทศอย่างมาก โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทย จำนวนกว่า 9.8 ล้าน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ในปี 2561 นี้ ทิศทางนักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการขยายเส้นทางการบินของสายการบินไทยต้นทุนต่ำไปยังเมืองรองของจีนมากขึ้นหลังจากที่ไทยถูกปลดธงแดงจาก ICAO

เอาเป็นว่าวิธีคิดการแบ่งเรื่องโลกตะวันตกทันสมัย โลกตะวันออกพัฒนาการล่าช้าในเชิงเทคโนโลยี นอกจากไม่เป็นจริงแล้ว ยังล้าสมัยอีกด้วย สังเกตจากเมืองใหญ่ๆ ของประเทศทางฝั่งตะวันออกหลายประเทศ ที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนโลกในด้านต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม การเงิน การลงทุน ที่เติบโตอย่างมาก

Advertisement

แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวคือความเจริญเติบโตที่เกิดขึ้น ก็ทำให้หลายเมืองที่ขาดการวางผังเมือง หรือออกแบบโครงสร้างการขนส่งพื้นฐานที่ดีพอ เกิดปัญหาการกระจุกตัวในการพัฒนา เกิดปัญหาด้านที่อยู่อาศัย ปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้เห็นความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย

แต่ปัญหาเหล่านี้กลับเห็นได้น้อยมากในมหานครใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ของประเทศจีน ซึ่งมีประชาชนอยู่หนาแน่นติดอันดับโลก

โครงการซิตี้ โอเอซิส ของ คิง ไว กรุ๊ป เป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ ขนาดที่ดิน 1.044 ล้านตารางเมตร ประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงการ 30,000 กว่าคน

King Wai City Oasis Baoshan

ชุมชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของจีน

ถ้าเปรียบเทียบด้วยสายตาจากคนไทยที่เคยไปเยือน เซี่ยงไฮ้ ก็จะพบความแตกต่างชัดเจนมาก เริ่มตั้งแต่เรื่องการขนส่ง ที่ต้องยอมรับว่าโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งเมืองเซี่ยงไฮ้ดีกว่ากรุงเทพฯมาก ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือการจราจรบนท้องถนนที่ไม่แออัดเท่ากรุงเทพฯ สามารถคำนวณระยะเวลาเดินทางได้

Advertisement

เซี่ยงไฮ้ไม่มีรถจักรยานยนต์แต่คนส่วนใหญ่จะใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าซึ่งไม่ผลิตมลภาวะทางอากาศหรือเสียง หรือใครที่รำคาญเสียงบีบแตรในกรุงเทพฯเวลารถติด คุณก็จะไม่ได้พบกับสภาวะดังกล่าวในเมืองเซี่ยงไฮ้เลย เพราะมีกฎหมายห้ามไว้ รวมถึงพฤติกรรมการขับขี่รถของคนในเซี่ยงไฮ้ก็แตกต่างจากกรุงเทพฯ ที่พูดแบบนี้เพราะกฎระเบียบการตัดคะแนนใบขับขี่ของคนเซี่ยงไฮ้ถูกบังคับใช้อย่างได้ผลจริงผิดกับบ้านเราชัดเจน

ในเรื่องที่อยู่อาศัยรัฐบาลให้เอกชนพัฒนาโครงการชุมชนเมืองขนาดใหญ่ซึ่งออกแบบอย่างรอบคอบรัดกุม ไม่เบียดเบียนธรรมชาติและไม่สร้างมลภาวะ ให้เกิดขึ้นได้จริง ลืมความเป็นเมืองแออัดเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไปเลย

เรื่องนี้เราพาไปดูผลงานของ คิง ไว กรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครือของธุรกิจชั้นนำที่มีฐานอยู่ในฮ่องกง มีชื่อเสียงทั้งในฮ่องกงและจีน ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลจีนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ อาทิ ชุมชน “King Wai City Oasis Baoshan” ที่เขตเป่าซาน เมืองเซี่ยงไฮ้อันเป็นชุมชนที่มีแนวคิดชั้นนำด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีเนื้อที่ทั้งโครงการมากถึง 950 ไร่

โดยชุมชนดังกล่าว ประกอบด้วย พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่สถาบันการศึกษา พื้นที่เพื่อการพาณิชย์และพื้นที่สีเขียวที่เป็นหัวใจหลัก ได้รับการออกแบบเมืองจากสถาปนิกระดับโลก กำหนดปัจจัยต่างๆอย่างลงตัว ก่อสร้างในปี 2549 เป็นโครงการระดับนโยบายของประเทศจีนที่ได้รับการยอมรับและได้ รางวัล “ต้นแบบชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของจีน” จากศูนย์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีน โดยชุมชนแห่งนี้มีการคมนาคมที่สะดวกสบายและเป็นส่วนต่อขยายจากศูนย์กลางทางธุรกิจไปทางตอนเหนือของเมืองเซี่ยงไฮ้

ชุมชนเมืองขนาดใหญ่ สร้างได้ ขายดี

จากการเข้าไปดูชุมชนดังกล่าว พบว่าเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ มีประชาชนอาศัยอยู่ในชุมชนนี้มากกว่า 3 หมื่นคน ผู้วางแผนและออกแบบ เป็นบริษัทสถาปนิกชื่อ GENSLER ของสหรัฐอเมริกา ที่จัดวางผังเมืองสัดส่วนต่างๆ ได้อย่างลงตัว มีทั้งหมดเจ็ดเฟส แบ่งออกเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและพื้นที่เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ มีระบบการจัดการสาธารณูปโภคพื้นฐาน การขนส่ง การอุปโภคบริโภค ความปลอดภัย ล้วนถูกออกแบบและบริหารจัดการอย่างสมบูรณ์แบบ แม้แต่โรงเรียนก็ยังถูกสร้างขึ้นเพื่อการศึกษาอีกด้วย

โครงการดังกล่าวได้รับความนิยมจากประชาชนจนทำสถิติขายหมดเร็วที่สุดในปี 2558 และยังคว้ารางวัลออกแบบและวางแผนยอดเยี่ยม ในปี 2560

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อนกับการสร้างชุมชนเมืองขนาดใหญ่เช่นนี้ แต่จากตัวอย่างชุมชนเมืองดังกล่าวก็ทำให้เห็นว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง และมีคุณภาพ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือความเป็นระบบนิเวศของธรรมชาติ โครงการดังกล่าวก็ตอบโจทย์ เพราะเขาสามารถสร้างสายน้ำ และออกแบบให้มีต้นไม้ รวมถึงสถานที่พักผ่อนเป็นจำนวนมาก จนแทบไม่เชื่อว่านี่คือชุมชนเมืองขนาดใหญ่ ที่อยู่ในมหานครใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้

แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน

แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน รองประธานกรรมการ บริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าให้สื่อมวลชนไทยฟังว่า “King Wai City Oasis Baoshan ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพึงพอใจจากรัฐบาลจีน และยังคงมีการดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในชุมชนแห่งนี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้อยู่อาศัยและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางสังคม เนื่องจากมีการวางผังเมืองไว้อย่างทันสมัยและยืดหยุ่นต่อการพัฒนา” แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน ยกตัวอย่างความสำเร็จ

รวมถึงโครงการ IMX Shanghai Hongqiao Project ซึ่งกำลังก่อสร้างในเขตหงเฉียว เมืองเซี่ยงไฮ้ ครอบคลุมพื้นที่ 53 ไร่ ประกอบด้วยศูนย์จัดแสดงนิทรรศการและศูนย์การค้า อาคารออฟฟิศสำนักงาน และเขตที่อยู่อาศัย

จากมิตรภาพ วัฒนธรรม และเจตจำนง

สู่ความร่วมมือโปรเจ็กต์ยักษ์

ที่กล่าวมา คือตัวอย่างการพัฒนาเมืองของเอกชน เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมือง รวมถึงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่เกิดขึ้นจริง

นอกจากชุมชนเมืองใหญ่ บริษัทดังกล่าวก็ยังมีโครงการพัฒนาเตรียมอีกหลายแห่ง เช่นเมื่อปี 2560 ที่สามารถซื้อที่ดินที่ตั้งอยู่บน “วิคตอเรีย พีค” หรือ “เดอะ พีค” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดและเป็นย่านที่อยู่อาศัยสุดพิเศษ เงียบสงบ เป็นส่วนตัว เป็นที่นิยมมากในกลุ่มมหาเศรษฐีฮ่องกง และจีน ด้วยมูลค่าสูงกว่า 8,000 ล้านได้ เพื่อเตรียมพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์

ล่าสุดบริษัทดังกล่าวได้เลือกที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน เปิดใจถึงเหตุผลในการเลือกเข้ามาลงทุนดังกล่าว ระบุว่า ไทยกับจีนเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีความรู้สึกร่วมกันในทางมิตรภาพ วัฒนธรรมและเจตจำนง จากรุ่นสู่รุ่น

“เราได้ลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ภายใต้ความริเริ่มแถบและเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative” แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน ระบุ

นอกจากเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ยังให้ความสำคัญกับความสะดวกด้านการคมนาคมอย่างมาก

นอกจากนี้ เขายังเห็นว่า ประเทศไทยตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ตอนกลางของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเศรษฐกิจไทย ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 2560 ทั้งการค้า การท่องเที่ยวและโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จากเหตุผลดังกล่าวเขาจึงมองว่า ประเทศไทยเหมาะที่จะพัฒนาไปสู่ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญของอาเซียน โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมตามแนวชายฝั่งตะวันออกของประเทศ รวมถึงต้องยอมรับว่าไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายด้านการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 34 ล้าน ในแต่ละปี ซึ่งกว่า 10 ล้านคนเป็นคนจีน

โดย คิง ไว กรุ๊ป ได้ลงทุนในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2559 และมองว่าการที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนนโยบาย One Belt One Road ก็จะก่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานระหว่างไทยกับจีน ตัวอย่างหนึ่งคือโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน นี่คือโอกาสทางการตลาดที่ คิง ไว กรุ๊ปมองเห็น

ในเขตที่พักอาศัยถูกออกแบบให้แวดล้อมด้วยธรรมชาติและต้นไม้ ได้รางวัล “ต้นแบบชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของจีน” จากศูนย์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจีน

แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน ยังเปิดเผยถึงโครงการใหญ่ๆ ที่จะลงทุนในไทยเบื้องต้นระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมี land bank ในประเทศไทยประมาณ 5,000 ไร่ โดยปีนี้บริษัทมี 4 โปรเจ็กต์ในกรุงเทพมหานคร คือ คอนโดมิเนียม low rise ที่สุขุมวิท 61 และสุขุมวิท 31 รวมถึงคอนโด high rise ที่ถนนพระราม 4 อีกทั้งยังมีโครงการบ้านแนวราบที่วัชรพล

นอกจากนี้ บริษัทมี 2 โปรเจ็กต์ยักษ์ ซึ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์-ยูส โดยแห่งแรกตั้งอยู่ที่บนพื้นที่ 1,997 ไร่ ของ ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นเรื่องกับทางการ เชื่อว่าโครงการนี้จะได้ประโยชน์จากความริเริ่มการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก การพัฒนาระยะแรกจะครอบคลุมพื้นที่ 300 ไร่ และมีมูลค่าการลงทุน 3,465 ล้านบาท ในแผนพัฒนา 5 ปี จะมีทั้งศูนย์สุขภาพ ศูนย์กระจายสินค้า และเขตที่อยู่อาศัย

“พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทราอยู่ในเขต EEC ซึ่งมีความพร้อมอย่างมากในการเข้าไปลงทุน โดยโครงการในเฟสแรกมีระยะ 5 ปี ซึ่งจะเริ่มดำเนินงานในพื้นที่ 300 ไร่ก่อน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกพันธมิตรที่จะมาร่วมโครงการกับเรา” แอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน ระบุ

ส่วนโครงการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็เป็นโครงการขนาดใหญ่ เป็นการพัฒนาพื้นที่ราว 2,600 ไร่ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านความรู้และการศึกษา เป็น โครงการ Mixed-use ที่ประกอบด้วย พื้นที่การศึกษา พาณิชย์ ค้าปลีก ที่อยู่อาศัย สันทนาการ และ โรงแรม ในระยะแรก มุ่งเน้นการพัฒนาอาคารวิทยาเขตระดับปริญญาตรี และปริญญาโท รวมถึงอาคารสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง โดยเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยบ่มเพาะประชาชนรุ่นหลังของไทย เพื่อสร้างผู้มีความสามารถพิเศษที่มีวิสัยทัศน์ระดับโลก และเครือข่ายระหว่างประเทศ

โดยพื้นที่ก่อสร้างอยู่ห่างจากย่านธุรกิจ ใจกลางกรุงเทพฯราว 65 กิโลเมตร และห่างจากเมืองเก่าของอยุธยา 30 กิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติที่ใกล้ที่สุดคือสนามบินดอนเมืองราว 25 กิโลเมตร และยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยหลายแห่ง

นี่คือตัวอย่างของกลุ่มทุนเอกชนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ สามารถสร้างที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพให้กับคนหลายหมื่นคนได้ในประเทศจีน

นับจากนี้คงจะต้องจับตากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย จากการเข้ามาลงทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำดังกล่าวว่าจะสามารถนำประสบการณ์การสร้างเมืองขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์แบบด้านผังเมือง ระบบสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดี ให้สามารถเกิดขึ้นจริงได้ตามเป้าหมายได้อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image