นายทุนเหิมหนัก รุกที่ป่าสงวนแห่งชาติจ.เชียงราย จัดสรรแบ่งขาย200กว่าไร่

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เจียมสงวนวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนฝ่ายปกครอง อ.เมือง จ.เชียงราย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.เชียงราย ตำรวจ สภ.บ้านดู่ ศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย ประมาณ 100 นาย เข้าตรวจยึดคืนผืนป่าพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางแล ป่าดอยยาวและป่าดอยพระบาท เขตหมู่บ้านป่าซาง หมู่ 2 ต.บ้านดู่ ภายหลังจากมีประชาชนร้องเรียนว่ามีการบุกรุกและสร้างสิ่งปลูกสร้างเอาไว้เป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเรียกว่าหนองช้างตายเนื้อที่ประมาณ 229 ไร่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว แต่กลับมีการทำถนนเข้าไปในพื้นที่และวางเสาไฟฟ้าเอาไว้เป็นจุดๆ เป็นจำนวนมากรวมทั้งจัดทำเป็นแปลงโดยมีการกั้นรั้วเป็นส่วนๆ และบางส่วนสร้างเป็นบ้านพักคอนกรีตแบบถาวร บางแปลงมีการประกาศขายและบางแปลงมีการเข้าไปทำประโยชน์ทั้งสร้างสิ่งปลูกสร้างและทำการเกษตร รวมทั้งมีการสร้างเป็นศาสนสถานของศาสนาคริสต์หรือโบสถ์ บ้านพัก ฯลฯ เอาไว้เรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่ไปสอบถามข้อมูลทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแต่ก็ปะปนไปกับพื้นที่เขตหนังสืออนุญาตให้ได้รับการผ่อนผันให้มีสิทธิทำกินชั่วคราวในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) หรือ สทก.1 ซึ่งมีเงื่อนให้เฉพาะชาวบ้านเข้าไปทำกินแต่ห้ามซื้อขายถ่ายโอนรวมทั้งต้องอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย แต่ปรากฎว่าพื้นที่ดังกล่าวกลับมีการเปลี่ยนมือจากชาวบ้านไปอยู่ในมือของนายทุนมานานกว่า 10 ปีแล้วโดยเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากภาคอีสานคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็มีน้องสาวดูแลต่อ ล่าสุดมีนายทุนชื่อป้าอ๊อดเจ้าของไร่แห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย เข้ามาบริหารพื้นที่ให้โดยมีการขุดดินออกขายและเมื่อประมาณ 1 ปีก่อนได้เริ่มจัดแบ่งพื้นที่เป็นส่วนๆ และต่อเสาไฟฟ้าเข้าไปพร้อมทั้งมีสิ่งปลูกสร้างแล้วขายให้คนที่สนใจซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลบนพื้นที่สูงจากนอกพื้นที่งานละประมาณ 130,000 บาท

เจ้าหน้าที่สอบถามหาคนงานเฝ้าชื่อนายอาส่อ เชอมือกู่ อายุ 31 ปีชาว ต.ป่าตึง อ.แม่จัน และนายอาซึ บู่โหล อายุ 37 ปีชาว ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ระบุว่าเป็นเพียงคนรับจ้างทำงานเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นบุคคลใดเพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Advertisement

นายสมศักดิ์ กล่าวว่าเมื่อเข้าไปดูพื้นที่แล้วต้องตกตะลึงเพราะมีลักษณะมีนายทุนเข้าไปบริหารจัดการที่ดินโดยทำเป็นแปลงๆ สร้างรั้วและสิ่งปลูกสร้าง และแม้จะเป็นที่ สทก.1 แต่จากการตรวจดูเบื้องต้นแล้วมีการเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่อย่างชัดเจน ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้โดยทันทีแต่ก็จะให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านที่มีสิทธิ์ในที่ สทก.1 ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นซึ่งพบว่าในปี 2527 มีจำนวนประมาณ 80 รายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image