กรมป่าไม้แจ้งความจับอัยการ รุกป่า ทำไม้เถื่อน

วันที่ 23 มีนาคม นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม คณะเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน นำโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) กรมทหารพรานที่ 21 ฝ่ายปกครอง อ.ด่านซ้าย หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ ส่วนป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) กรมป่าไม้ และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.2 (ด่านซ้าย) ออกปฏิบัติการตรวจสอบการกระทำความผิดกฎหมาย ว่าด้วยการป่าไม้และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้านน้ำพุง ม.3 ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเป็นการปฏิบัติการต่อเนื่องจากตรวจยึดไม้แปรรูป เลื่อยโซ่ยนต์ และอาวุธปืน ตามคดีอาญาที่ 36/2561 ปจว.ข้อ 1 เมื่อ วันที่ 21 มีนาคม 2561

นายอรรถพล กล่าวว่า เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสภาพพื้นที่ในจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณพิกัดในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูเปือย ภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ มีลักษณะการบุกรุกพื้นที่ทำการเกษตรและสร้างรั้วแสดงขอบเขตพื้นที่บางส่วนมีการปรับพื้นที่เป็นเส้นทางลำลอง (ถนนดิน) กว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 800 เมตร เชื่อมต่อจากทางหลวงหมายเลข 21 ตัดผ่านพื้นที่และยาวไปถึงพื้นที่ด้านบน พบว่าส่วนใหญ่มีสภาพเป็นพื้นที่ทำการเกษตรปลูกกล้วย อายุไม่เกิน 1 ปี และพื้นที่บางส่วนเป็นป่าเสื่อมโทรม และยังปรากฏต้นไม้หวงห้ามถูกตัดฟันโค่นล้ม ถูกแปรรูปกระจัดกระจายในพื้นที่ นอกจากนั้นมีพื้นที่บางส่วนถูกปรับเรียบ และยังพบมีการทำไม้ไม่มีการขออนุญาต โดยพบ ไม้ประดู่แปรรูปจำนวน 25 แผ่น/เหลี่ยม รวมปริมาตร 0.448 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ 29,750 บาท ไม้ท่อน จำนวน 44 ท่อน รวมปริมาตร 4.422 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐรวมจำนวน 119,150 บาท แยกเป็นไม้ประดู่ท่อน 23 ท่อน ปริมาตร 2.89 ลบ.ม.และไม้แดงท่อน 21 ท่อน ปริมาตร 1.53 ลบ.ม. พื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก ก่นสร้าง แผ้วถาง ยึดถือครอบครอง รวมพื้นที่ จำนวน 83-0-34 ไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายของรัฐ เป็นเงิน 5,664,270.26 บาท สำหรับมูลค่าความเสียหายทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยละเอียด จะให้ผู้ชำนาญการทำการประเมินมูลค่าความเสียหายและรายงานให้ทราบต่อไป

นายอรรถพล กล่าวว่า จากการสอบปากคำข้อมูลผู้นำชุมชนและราษฎรท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 20-21 มีนาคม 2561 ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่าพื้นที่บุกรุกเป็นของอัยการ  ดังนี้โดย ชาวบ้านคนแรกให้การว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินของนายทุน และได้ซื้อที่ดินจากน้องสามีของตน โดยนายทุนดังกล่าวเป็นอัยการ   ชาวบ้านคนที่ 2 ให้การว่า บริเวณจุดเกิดเหตุซึ่งมีการตัดฟันต้นไม้ เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ เป็นพื้นที่ครอบครอง ของอัยการไม่ทราบชื่อแต่ยังมีที่ดินของชาวบ้านปะปนอยู่ และบริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ คนที่ 3 ให้การว่า แปลงที่ดินของตน อยู่ติดกับจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นแปลงที่ดินของนายทุน ที่เป็นอัยการ คนที่ 4 เป็นผู้ใหญ่บ้านน้ำพุง ให้การว่าแปลงที่ดินในจุดเกิดเหตุเป็นของนายทุนซึ่งเป็นอัยการและซื้อต่อจากชาวบ้าน โดยผู้ครอบครองเดิมชื่อ นายสุพล วิเชียรพจน์ เป็นราษฎรบ้านเลขที่ 122 หมู่ที่ 3 ต.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย แต่ภายหลังทราบว่า นส.จตุพร ศรีมงคล ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ ป่าไม้ที่มาสำรวจรังวัดแปลงที่ดินราษฎรในเขตป่าไม้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ว่า นส.จตุพร เป็นผู้ครอบครองแปลงที่ดินในบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใด นส.จตุพรฯ จึงมาแจ้งเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว

Advertisement

รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ให้การว่า เคยได้รับการติดต่อจากนายสุทัศน์ กาบสกุลหรือ เอก ให้ไปปรับพื้นที่ของอัยการ   โดยต้องการปรับพื้นที่สร้างบ้านพักตากอากาศในท้องที่บ้านน้ำพุง มีนายสุทัศน์ เป็นผู้ติดต่อหาซื้อที่ดินและดูแลจัดการให้กับอัยการ  มาโดยตลอด ทั้งนี้ผู้ให้การรายที่ 5 ได้เคยพบตัวอัยการ   2-3 ครั้ง สำหรับ นส.จตุพร ศรีมงคล เป็นภรรยาของนายสุทัศน์ ซึ่งเป็นสามีภรรยากันมาไม่ต่ำกว่า 7 ปี และทราบว่า นส.จตุพร ได้แสดงตัวเป็นเจ้าของแปลงที่ดินของอัยการ เพื่อช่วยดูแลพื้นที่ แต่เจ้าของแท้จริงยังเป็นอัยการ สำหรับการซื้อขายแปลงที่ดินทราบว่านายสุพล วิเชียรพจน์ ได้ขายที่ดินให้กับอัยการ  ในช่วงปลายปี 2560 ราคา 200,000 กว่าบาท และนายเฉลิม แก้วแย้ม ราษฎรหมู่ที่ 3 บ้านน้ำพุง ขายให้อัยการ  ในต้นปี 2561 นี้ ราคา 200,000 กว่าบาท

Advertisement

นายอรรถพล กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 48, มาตรา 73 “ฐานมีไม้แปรรูปหวงห้ามเกิน 0.20 ลบ.ม. ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 54, มาตรา 72 ตรี “ฐานกันก่นสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ” ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, มาตรา 31 “ฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือทำด้วยประการใดอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงมอบหมายให้ นายบัณฑิต วงศ์อรินทร์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.2 (ด่านซ้าย) เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยให้ นายสมชาย ฉิมแย้ม เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) และนายธีระชัย ศรีชามก พนักงานราชการ (พร.) หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย.2 (ด่านซ้าย) เป็นพยาน นำเรื่องราวกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

อัยการรุกป่า

โพสต์โดย Matichon Online – มติชนออนไลน์ บน 23 มีนาคม 2018

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image