เป้าหมาย การเมือง ของ อภิสิทธิ์ ประชาธิปัตย์ คือ ต้องเป็น รัฐบาล

ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์แม้จะประกาศท่าทีต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เหมือนกัน แต่ด้วยพื้นฐานในทาง “ความคิด”ที่ต่างกัน

พรรคเพื่อไทยนั้น “สุกงอม” เป็นอย่างสูง

สุกงอมในการดำรงสถานะแห่งความเป็น “ฝ่ายค้าน” ไม่มีโอกาสเหลืออยู่แม้แต่น้อยที่จะเบียดแทรกเข้าไปอยู่ในฐานะ “รัฐบาล”

แม้จะมั่นใจว่าได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 1

Advertisement

นั่นก็เพราะเข้าใจในเจตนารมณ์ของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อันสำแดงผ่าน “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560”

และการดำรงอยู่ของอำนาจรัฐ “เหนือรัฐ” ของระบบราชการ

กระนั้น กล่าวสำหรับพรรคประชาธิปัตย์การต่อต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เสมอเป็นเพียงยุทธวิธี 1 เหมือนกับคำประกาศการต่อต้านต่อสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”

Advertisement

นั่นก็คือ ต่อต้านเพื่อ “เบียดแทรก” เข้าไป

หากติดตาม “กระบวนท่า” ของพรรคประชาธิปัตย์อย่างจำแนกแยกแยะก็จะประจักษ์ในขั้นตอนและจังหวะก้าวได้เป็นอย่างดี

ในเบื้องต้น ยังแบ่งรับ แบ่งสู้

นั่นก็คือ ยังไม่ยอมยืนหยัดในวาทกรรมที่ว่าจะต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” นั่นก็คือ แบะท่าออกมาว่ายังตอบไม่ได้ในตอนนี้

ต้องรอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน

นี่ย่อมเป็นท่าทีอย่างเดียวกันกับเมื่อพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล หรือแม้กระทั่งกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย และแม้กระทั่งพรรคชาติไทยพัฒนาสำแดงออก

เหมือนกับจะเป็นท่าทีในแบบ “มังกร“ทางการเมือง

แต่จากประสบการณ์ทางการเมืองในยุค “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” นี่คือท่าทีในแบบเหยียบเรือ 2 แคม พร้อมจะแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

พรรคประชาธิปัตย์เพิ่งจะมาชัดในเดือนเมษายน 2561 นี้เอง

ความแจ่มชัดของพรรคประชาธิปัตย์ในการไม่ยอมรับต่อนายกรัฐมนตรี “คนนอก” นั้นดำเนินไปในแบบขายพ่วง นั่นก็คือ

มีติ่งต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” อยู่ด้วย

เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ชูธง 2 ผืนในทางการเมือง ผืน 1 ต่อต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” อีกผืน 1 ต่อต้านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”

ประการหลังย่อมหมายถึง “พรรคเพื่อไทย”

จึงไม่เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์จะพยายามรักษาฐานทางการเมืองเดิมอันต่อเนื่องจากสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 กับ สถานการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

นั่นก็คือ “พันธมิตร” และ “กปปส.”

หากแต่ยังอาศัยพลังมวลมหาประชาชนจาก 2 สถานการณ์ใหญ่เป็นเครื่องต่อรองในฐานะเหมือนกับเป็นตัวเลือกใหม่

นอกเหนือไปจากที่ “คสช.” เคยยึดครองอยู่

ยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์จึงมิได้เป็นเรื่องใหม่ หากแต่เท่ากับย้อนกลับไปยังสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549

ย้อนกลับไปยัง “บันได 4 ขั้น” ของคมช.

เพียงแต่ยุทธวิธีใหม่ก็คือ การปัดปฏิเสธบทบาทและความหมายของคสช.และโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้นเอง

พรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดเป็น “ฝ่ายค้าน” หากคิดเป็น “รัฐบาล”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image