นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (ดีไอเอฟ) เปิดเผยว่า กองทุนดีไอเอฟเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ที่จัดตั้งขึ้นเป็นรายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม มูลค่ารวมไม่เกิน 55,236 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 3 โดยจะจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่นักลงทุนรายย่อยในวันที่ 24 เมษายนนี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ก่อนจะเปิดเสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ระหว่างวันที่ 2-8 พฤษภาคม 2561 และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อระหว่างวันที่ 2-11 พฤษภาคม 2561 โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 13.60-13.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งราคาเสนอขายสุดท้ายจะถูกกำหนดหลังจากสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งคาดว่าจะประกาศได้ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561
“เงินที่ได้จากการระดมทุน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่ประเทศ รองรับความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟน อินเตอร์เน็ตและระบบบรอดแบนด์ที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4จี แอลทีอี และการติดตั้งระบบ 5จี ในอนาคต ซึ่งประเมินว่าในช่วงปี 2560-2565 จำนวนผู้ใช้บริการระบบ 4จี จะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 14% ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการระบบ 4จี เพิ่มขึ้นเป็น 76% ในปี 2565”
น.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ เปิดเผยว่า กองทุนดีไอเอฟจะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมจากกลุ่มทรู ได้แก่ 1.กรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมสำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 2,589 เสา
2.กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเตอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตรวมประมาณ 590,305 คอร์กิโลเมตร และ 3. สิทธิการเช่าระยะยาวประมาณ 30 ปีในใยแก้วนำแสงสำหรับให้บริการอินเตอร์เน็ตประมาณ 619,986 คอร์กิโลเมตร รวมทั้งสิทธิการซื้อใยแก้วนำแสงดังกล่าว โดยมีราคาใช้สิทธิสำหรับซื้อกรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง 1,300 ล้านบาท
