นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พฤษภาคมนี้ และคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณว่าดารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งจะเกิดขึ้นอีกครั้งในการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายน โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี ตลาดแรงงานที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง รวมทั้งเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้น ด้านทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแกว่งตัวแคบเนื่องจากตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง(Risk On) เป็นผลบวกต่อการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ส่งผลให้เงินสกุลเอเชียมีโอกาสแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามเงินดอลลาร์สหรัฐคงไม่อ่อนค่าแรงเพราะกลางสัปดาห์นี้มีการประชุมเฟด และนักลงทุนยังรอดูตัวเลขกสรจ้างงานสหรัฐที่จะออกมาในปลายสัปดาห์นี้ คาดว่าการว่างงานสหรัฐจะลดลงไปที่ 4.0% การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.8 แสนตำแหน่ง และค่าจ้างเฉลี่ยขยายตัว 2.6% มองกรอบค่าเงินสัปดาห์นี้ที่ 31.30-31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเปิดตลาดวันที่ 30 เมษายน ที่ 31.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากปิดตลากสัปดาห์ก่อนที่ 31.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมรอบสามของปีนี้ ทั้งนี้ เฟดน่าจะยังรอประเมินพัฒนาการเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งพัฒนาการประเด็นความเสี่ยงด้านการค้าที่น่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนที่จะมีการส่งสัญญาณถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป ขณะที่ พัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งอาจจะเปิดโอกาสให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากไทย และช่วยให้ค่าเงินบาททยอยปรับอ่อนค่าลง ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามคงได้แก่ การประกาศแผนการบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังสหรัฐ ในวันที่ 2 พฤษภาคม ที่อาจเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้
