นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติเพื่อรถยนต์(เอ็นจีวี) สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 0.62 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้สะท้อนการปรับปรุงคุณภาพก๊าซเอ็นจีวีตามแผนการบริหารจัดการคุณภาพเอ็นจีวี ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำระยะทางได้มากกว่าเดิม โดยจะเริ่มปรับราคาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 และตรึงราคาไปอีก 1 ปีจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2562
“การปรับราคาขึ้นของเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารสาธารณะเท่านั้น ส่วนรถยนต์ทั่วไปไม่มีมติปรับ ยังราคาเท่าเดิมอยู่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 13.57 บาทต่อกก.”นายทวารัฐกล่าว
นายทวารัฐกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุม กบง.ยังเร่งให้ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล 20% หรือ บี20 ในรถบรรทุก และรถขนาดใหญ่ เพื่อดูดซับการใช้น้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ)ในตลาด โดยตั้งเป้าจะเพิ่มการใช้อีก 1 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 6.5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะเป็นการช่วยดูดซับซีพีโอได้ 250,000 ตันต่อปี เบื้องต้นได้ส่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) ออกเชิญชวนผู้ประกอบการเพื่อให้เข้ามาศึกษาการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับการใช้ B20 ได้ ทั้งนี้คาดว่าในเดือนกรกฎาคม 2561 นี้จะสามารถนำออกขายสู่ตลาดได้
ขณะเดียวกันได้หารือกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมัน บี20 โดยคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนลดภาษีดังกล่าวอีก 82 สตางค์ต่อลิตร รวมถึงจะสร้างแรงจูงใจทางด้านราคาให้ผู้ประกอบการเข้ามาใช้ โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3,000 ล้านบาทโดยในช่วงเริ่มต้น เพื่อกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล บี20 ถูกกว่าน้ำมันดีเซล บี7 ประมาณ 3 บาทต่อลิตร ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ที่ 1.5 ล้านลิตรต่อวัน
