⦁…ถึง “22 พ.ค.นี้” จะครบ “4 ปีรัฐประหาร” หมายถึงรัฐนาวา ภายใต้กัปตันที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจบริหารจัดการประเทศมายาวนานไม่น้อยกว่ารัฐบาลไหน ด้วย “รัฐบาลจากการเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะมีผลงานเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็อยู่ได้ไม่เกิน “วาระ 4 ปี” เว้นเสียแต่ว่า “จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีกสมัย” ซึ่งแทบไม่มีให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้น “รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ”สามารถใช้อำนาจได้เต็ม แบบ “อาวุธครบมือ ไร้กำลังต้าน”ไม่มี “ฝ่ายค้านมากวนใจในสภา” อยากให้โหวตแบบไหน “สนช.โหวตให้ตามใจปรารถนาทุกออเดอร์” ย่อมง่ายดายที่จะสร้างผลงานให้ “ประชาชน” ได้ “ยกนิ้ว” ให้
⦁…ที่ผ่านมาเห็น “ประกาศกันเสียงดังฟังชัด” ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พูด ถึง “กึ๋น” และ “ความเก๋า” ที่จะเอาประเทศสู่ความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่า “การเมืองที่มีคุณภาพมากกว่า” หรือ “การพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน” พร้อมทั้ง “สังคมที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะการจัดระเบียบสารพัดที่ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย ผู้คนมีวินัยมากขึ้น” หากเป็นไปตาม “เสียงประกาศ” ที่ถ่ายทอดสดกันถี่ยิบ ยาวนาน ต่อเนื่อง ในสื่อต่างๆ โดยเฉพาะที่ “รัฐควบคุมอยู่” น่าจะเป็น “รัฐบาล” ที่มีความเชื่อมั่นใน “ศรัทธาประชาชนที่มีให้อย่างสูง” แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน “วาระครบ 4 ปีแห่งการใช้อำนาจที่ปฏิเสธไม่ได้” กลับสร้างความสงสัยให้ประชาชน ว่า ความเชื่อมั่นในตัวเองของผู้มีอำนาจ” เพิ่มพูนขึ้นด้วย “ความมั่นใจในผลงาน” หรือ “หดหายไปกับวันเวลา” ด้วยถูกบั่นทอนจากสารพัดเรื่องราวที่เกิดขึ้น
⦁…ก่อนหน้านั้น “การเลื่อนวันเลือกตั้ง” ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนกระทั่งป่านนี้ “ความมั่นใจของประชาชนว่าจะได้เลือก” ยังมีไม่เต็มร้อย ด้วย “โรดแมป” ที่ถูกอธิบายโดย “เซียนกฎหมายฝ่ายรัฐ” ทำนองว่า “ยืดออกไปได้เรื่อยๆ” ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันให้แซดว่า “เพราะความมั่นใจว่าจะสืบทอดอำนาจได้ราบรื่นยังไม่มี” ด้วยแม้จะเขียน “รัฐธรรมนูญ” และ “กฎหมายลูก” ให้เปิดทางตัวเอง ปิดทางคู่ต่อสู้ได้แค่ไหน แต่ที่สุดแล้ว “นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง” อาจจะเข้ามาได้ไม่ยาก แต่หากจะ “อยู่ให้ได้” ต้องอาศัย “เสียงสนับสนุนในสภาไม่น้อย” และเอาเข้าจริงที่คิดว่า “ควบคุมได้” มีแต่ความไม่แน่นอน “ความมั่นใจ” จึงไม่เคยเกิดขึ้นจริง
⦁…ล่าสุด ประกาศจะ “เลือกตั้งทั่วไป กุมภาพันธ์ 62” ก่อนหน้านั้นเคยบอกกันไว้ว่าจะ “เลือกตั้งท้องถิ่น”
ก่อน จึงคาดกันว่า “อบจ.-เทศบาล” จะเริ่มเลือกแทนชุดรักษาการที่ “นั่งกันรากงอกติดเก้าอี้ สบายอารมณ์กันมายาวๆ”ใน “พฤศจิกายน” ที่จะถึงนี้ ทว่าเหลือไม่กี่เดือนแล้ว ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ส่อว่าจะ “คืนอำนาจเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกผู้บริหารเอง” ดังนั้น ในความรู้สึกของคนทั่วไป “4 ปีรัฐประหาร” ยังไม่สร้างความมั่นใจว่า “ศรัทธาจะงอกเงยขึ้นในใจประชาชนส่วนใหญ่”
⦁…และยิ่งนับวัน กระทั่ง “ปลดล็อกพรรคการเมือง” ยิ่งไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเริ่มเมื่อไร แถมที่เคยหลับตาข้างหนึ่งก่อนหน้านั้น ด้วย “แม้ไม่ประกาศปลดล็อก แต่ใครจะเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่ค่อยใส่ใจมากนัก” มาถึงวันนี้ ดูจะกลับมาจริงจังกับการจัดการ “พรรคการเมือง” ที่เคลื่อนโดยขัดคำสั่งมากขึ้น ไม่เพียงจะเคยส่งสัญญาณไปถึง “พรรคอนาคตใหม่” ที่มี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “คนหนุ่มสาว” กลุ่มหนึ่งเป็นแกนนำในการก่อตั้ง ให้ระวัง “กิจกรรม” ว่าผิดกฎหมายเท่านั้น ล่าสุด “ทีมงานเพื่อไทย” ที่ออกมาชี้ถึง “ผลงาน 4 ปีรัฐประหาร” ถูก “ทีมกฎหมายของ คสช.” แจ้งความดำเนินคดี ฐานเคลื่อนไหวฝืนคำสั่ง แน่นอน เสียงวิจารณ์กันขรม แบบ “รู้แล้วเหยียบไว้” ถึง “ความไม่เชื่อมั่นความนิยมของประชาชน” จึงปิดกันให้แซด
⦁…ซึ่งว่าไปวิธีนี้ไม่ได้สร้างผลดีอะไรขึ้นมาเลย แม้จะก่อความกังวล อันเกิดจาก “ความกลัว” ว่า “คสช.” เริ่มใช้ “อำนาจรุนแรงอีกแล้ว” จำเป็นที่ทุกคนต้องระมัดระวัง “การแสดงออก ไม่ให้ถูกตีความไปในทางที่บั่นทอนความเชื่อมั่นมากขึ้น” แต่ในความรู้สึกที่ประชาชนเก็บงำไว้ ย่อมไปในทางที่
“เริ่มสงสัยความความสำเร็จสารพัดที่ประกาศกันออกมานั้นจริงหรือไม่” ถ้า “ผลงานยอดเยี่ยมอย่างที่ประชาสัมพันธ์กันไว้” ทำไมจึงอ่อนไหวกับเสียงของ “ฝ่ายตรงกันข้าม” ซึ่งปกติคนทั่วไปไม่ได้ให้น้ำหนักอยู่แล้ว ด้วยรู้ว่าถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะ “ประเมินออกมาในด้านดี” แต่การที่ “ดำเนินคดี”
ทำให้ย้อนคิดกันอีกทาง ถึงปริมาณของ “ความเชื่อมั่นในผลงาน”