ตม.ยังเข้ม เข้า-ออกชายแดน หลังถูกสอบละเลย อดีตพระพรหมเมธีหนี ยันไม่มีการช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน หลังมีข่าวการลักลอบหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กทม. หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัด ซึ่งหลบหนีมายังพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ก่อนฉวยโอกาสหลบหนีผ่านด่านพรมแดนไทย-ลาวไปยังแขวงคำม่วน สปป.ลาว จนกระทั่งปลายทางถึงประเทศเยอรมนี ทำให้ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเข้าข่ายความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องหาตามหมายจับหลบหนีได้

ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ยังคงเข้มงวดในการตรวจสอบการเดินทางของประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้า-ออกบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน โดยยืนยันว่าไม่มีการดูแลช่วยเหลือการหลบหนีของพระจำนงค์ตามที่เป็นข่าว แต่ทางผู้ต้องหาอาจฉวยโอกาสช่องว่างในขั้นตอนการทำงาน หลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ขอให้ข้อมูล ต้องรอคำสั่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเท่านั้น

ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบเพิ่มเติมของผู้สื่อข่าวพบข้อมูลว่า ช่องว่างที่ทำให้อดีตพระพรหมเมธีหลบหนี คาดว่ามาจากขั้นตอนการขออนุญาตเดินทางเข้า-ออก เนื่องจากการขออนุญาตทำหนังสือเดินทางนั้น เมื่อนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่บริเวณจุดตรวจก่อนข้ามแดน ส่วนใหญ่ ประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเป็นคณะ จะมีการรวบรวมนำเอกสารไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจรับเซ็นอนุญาตการเดินทางออกนอกประเทศ จะไม่มีการแสดงตัวทุกคน และส่วนใหญ่จะไม่มีการตรวจสอบบุคคลภายในรถยนต์เพื่อยืนยันเป็นรายบุคคล ทำให้เป็นช่องว่างในการหลบหนีของผู้ต้องหาตามหมายจับ เพราะส่วนหนึ่งไม่มีระบบตรวจสอบคัดกรองผ่านระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ทำให้ยากในการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ให้การช่วยเหลือที่ออกหมายจับจำนวนทั้งหมด 5 คน คือ 1.นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือสีกาจุ๋ม อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ปัจจุบันพบข้อมูลว่ามีการเดินทางออกประเทศไปยังประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 คนที่ 2 คือ นายพีรวิช ศรีศรัทธา อายุ 28 ปี ลูกศิษย์คนสนิท ปัจจุบันไม่พบข้อมูลเดินทางเข้า-ออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้ว คนที่ 3 คือ นางจิตติมา ลัดตะนะวง อายุ 50 ปี เป็นชาวลาว บ้านอยู่แขวงคำม่วน สปป.ลาว รวมถึงลูกสาวและลูกชายอีก 2 คน คือ นางจันทะนา ลัดตะนะวง อายุ 27 ปี และนายน้อย ลัดตะนะวง อายุ 28 ปี ซึ่งทั้งหมดมีความผิดฐานช่วยเหลือให้การหลบหนี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ระหว่างทางตำรวจเร่งประสานกับทางการลาวติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี แต่สันนิษฐานว่ายากในการติดตามจับกุมตัว เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศทั้งหมดแล้ว ก่อนถูกออกหมายจับ ทำให้ยากต่อการติดตามจับกุม โดยเฉพาะชาวลาวทั้ง 3 คน จะต้องมีการเจรจากับทางการลาว ก่อนที่จะมีการจับกุมตัว ซึ่งต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน เพราะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายระหว่างประเทศ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image