นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคาดการณ์ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะนักลงทุนให้น้ำหนักค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การค้าว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร เพราะจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ที่เตรียมจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนั้น ตลาดตอบรับข่าวสารเรื่องนี้ไปพอสมควรแล้ว
ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเดือนพฤษภาคมปรับฐานลดลงในกรอบ 1,724-1,791 จุด โดยดัชนีตลาดหุ้นยังคงปรับฐานจากการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐที่ส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 3% และแรงขายสุทธิต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่วนนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน มีความคืบหน้ามากขึ้น สหรัฐเลื่อนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วงนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง 1.07% อยู่ในระดับ 91.66 แต่ยังอยู่ในภาวะทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 โดยนักลงทุนเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2561 ที่ขยายตัว 4.8% และตัวเลขการลงทุนภาครัฐที่กลับมาเพิ่มขึ้น 4.4% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับปัจจัยสถานการณ์ทางการเมือง และความชัดเจนในการกำหนดวันเลืิอกตั้ง และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกับการพิจารณานโยบายทางการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
“ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มทรงตัว ภายหลังดัชนีตลาดหุ้นปรับฐานลงในช่วงที่ผ่านมา และเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) หลังจากขายสุทธิหุ้นไทยแล้วกว่า 1.3 แสนล้านบาท ประเมินว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น หากรัฐบาลประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน” นายไพบูลย์กล่าว
