| ผู้เขียน | นวลนิตย์ บัวด้วง |
|---|
มีนัยยะอะไร!! เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดนครสวรรค์ ถึงด้านการเกษตรตอนหนึ่งว่า “ยังเป็นห่วงเกษตรกร เพราะ เกษตรกรหลายกลุ่มยังไม่เข้าใจการมีส่วนร่วมในมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล เช่น การประกันราคาข้าว การจำนำไว้ในยุ้งฉางของ ธ.ก.ส.(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ขอให้ทุกคนเข้าใจว่า รัฐบาลจะมีการประกันราคา ตามระยะเวลาที่มีอยู่ มีหลักเกณฑ์ประกันราคา 3 ปี”
ต่อมาในวันเดียวกัน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจง “นายกรัฐมนตรีได้อธิบายเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว แต่เกรงว่าคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นการประกันราคาข้าว รัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายประกันราคาข้าว”
แต่สำหรับวงการข้าวมองว่า “ไม่น่าจะเป็นการบังเอิญ” บนสมมุติฐานหลายด้าน ซึ่งขณะนี้วงจรข้าวกำลังเกิดขึ้นอีกรอบ
รอบเพาะปลูกข้าวนาปีฤดูผลิต 2561/62 ที่เป็นข้าวหอมมะลิ และพื้นที่เพาะปลูกเกือบทั้งหมดของผลผลิตอยู่ในภาคอีสาน และภาคเหนือบางส่วน กำลังเริ่มเพาะปลูก ใช้เวลาร่วม 4 เดือน ก่อนเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ปีถัดไป
จึงเป็นช่วงเดียวกันที่หน่วยงานรัฐต้องเข้าบริหารจัดการ เพื่อทำอย่างไรให้เกิดภาวะซ้ำซาก ผลผลิตล้น ราคาตกต่ำ ทุกรัฐบาลใช้การออกมาตรการพยุงราคาข้าว เพียงวิธีแตกต่างกันไป แล้วแต่จะเรียก เช่น จำนำ ประกันราคา รับซื้อ หรือจ่ายอุดหนุนค่าใช้จ่ายการจัดเก็บตันละ 1,000-1,500 บาท เป้าหมายเพื่อสกัดปริมาณข้าว ไม่ให้ไหลออกสู่ตลาดพร้อมกันจนล้นและราคาต่ำ
รัฐบาลนี้ก็เช่นกัน วงการข้าวเชื่อว่าเร็วๆนี้ จะประกาศว่าจะพยุงราคาข้าวว่าจะทำกันอย่างไร อาจจะเร็วกว่าปีก่อนๆด้วย แถมพยากรณ์ว่ารัฐบาลต้องทำทุกทาง ให้ราคาเพดานข้าวเปลือกหอมมะลิรอบใหม่ ไม่หลุด 15,000 บาทต่อตัน โดยยึดฐาน ข้าวเปลือกหอมมะลิปี 2560/61 ซื้อขายในตลาดสูงถึง 17,000-18,000 บาทต่อตัน ทั้งที่เพดานรัฐวางไว้ 13,000 บาท หากเพิ่มเพดานเป็นอีก 2 พัน ราคาตลาดก็น่าจะเพิ่มเป็น 18,000-20,000 บาท
การขายได้ราคาสูงของปีนี้ หลักๆคือผลผลิตจริง ทำได้ต่ำกว่าทางการคาดไว้ถึง 20% หรือปริมาณหายไปกว่าล้านตัน ประกอบกับสต็อกข้าวโลกลดลงเร็ว ประเทศนำเข้าต้องเพิ่มสั่งซื้อเพื่อสต็อกไว้เป็นความปลอดภัยด้านอาหาร อานิสงส์ยังส่งไปถึงข้าวเจ้า ข้าวนึ่ง ขายได้มากขึ้นและราคาดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา เกิน 8,000 บาทเป็นส่วนใหญ่ จึงหวังปีนี้ต่ำก็น่าจะเกิน 8,500-9,000 บาท
แต่หากค้าข้าวรอบใหม่โชคไม่อำนวย!! ฝนชุก ข้าวงอกงามดี ผลผลิตข้าวหอมมะลิเกินค่าเฉลี่ย 7-8 ล้านตัน แห่ปลูกข้าวนาปรังที่เป็นข้าวเจ้าเกิน 12 ล้านตัน บวกกับผลผลิตโลกดี ประเทศนำเข้าชะลอการซื้อข้าว ไทยส่งออกได้ต่ำกว่า 10 ล้านตัน สถานการณ์ข้าวที่เคยดีมาตลอดปีนี้ก็จะตีกลับแย่ลง
และช่วงเดียวกันนี้ ยังเป็นช่วงเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชเศรษฐกิจอีกหลายชนิด เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ดังนั้น การหยิบยกประเด็นดูแลเกษตรช่วงนี้จึงเหมาะสม เพราะเป็นการส่งสัญญาณให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งมือ คิดๆ ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร เกษตรกรเองก็จะได้รับรู้รัฐบาลเตรียมช่วยเหลืออย่างไร และการหยิบยกเรื่องยุ้งฉางมากล่าวถึง ซึ่งวิธีการคล้าย”จำนำ”ข้าว คือ มีระยะจัดเก็บ ไถ่ถอนได้ ได้ค่าช่วยเหลือเก็บรักษา และยังเป็น “การประกันราคา” ข้าวทางอ้อม เพราะเมื่อไม่ต้องรีบเก็บเกี่ยวและขายสดเหมือนข้าวปรัง ทางการค้าเมื่อของน้อยของขายก็ได้ราคาดี
ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายุ้งฉางสามารถแก้ปัญหาข้าวได้ระดับหนึ่ง จึงไม่แปลกที่รัฐบาลพยายามตีฆ้องร้องป่าวว่าชาวนามียุ้งฉางนั้นดีอย่างไร เงินที่เคยสนับสนุนค่าใช้จ่ายยุ้งฉางต่อรายไม่เกิน 3.5 แสนบาท ก็จะกระจายกว้างไปทุกภาค
ทั้งหมดทั้งมวล สอดรับกับช่วงใกล้เคียงโรดแมปการเลือกตั้งในไทย หากมีจริงและรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง สามารถผ่านวิกฤตสินค้าเกษตรหน้าร้อนไม่ให้เกิดภาวะราคาตกต่ำได้
ย่อมมีผลต่อฐานเสียง เรื่องนี้ทุกพรรคก็รู้ดี
———————
