ศึกเลือกตั้ง 3 ล้านล้านบาท เดิมพันสูง’พลังประชารัฐ’ แพ้ไม่ได้

เดินสายทาบทามอดีต ส.ส.โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ภายใต้กลยุทธ์ “ดึง-ดูด-บีบ” ชนิดเปิดหน้าชกแบบให้เห็นหน้ากันชัดเจนไปเลย

สำหรับ “กลุ่มสามมิตร” ที่มี 2 ส. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา เป็นหัวหอกเดินสายดีลกับอดีต ส.ส. จากหลายมุ้ง หลายกลุ่ม

เพื่อหลอมรวมให้เป็นแม่น้ำสายเดียวกัน ดัน “พรรคพลังประชารัฐ” ที่มีเพื่อนอีก 1 ส. อย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ นั่งเป็นมือประสาน

ให้เข้าป้ายเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ส่ง “บิ๊กตู่” พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อีกสมัยให้ได้

Advertisement

ต้องยอมรับว่า นาทีนี้ “กลุ่มสามมิตร” ถือว่ามาแรงกว่าใครเพื่อน เนื่องจากอยู่ได้ถูกที่ ถูกเวลา คุมความได้เปรียบไว้ทั้งหมด

เพียบพร้อมไปด้วย “เงิน” ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนพรรค

รวมทั้งยังแนบแน่นกับผู้ที่คุม กฎและกติกา ที่จะเดินไปสู่การเลือกตั้ง

Advertisement

นาทีนี้ไม่ว่ากลุ่มสามมิตรจะเดินสายไปพูดคุยกับอดีต ส.ส. ล้วนเหมือนได้รับไฟเขียวจากบิ๊ก คสช. ไม่ต้องสะดุดติดกับดักกับคดีความเนื่องจากขัดคำสั่ง คสช.ทั้ง 3 ฉบับ ที่เป็นกฎเหล็กล็อกไม่ให้นักการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง

ต่างจากคู่แข่งเบอร์หนึ่งอย่างพรรคเพื่อไทย(พท.) ที่ 8 แกนนำของพรรค พท. ที่โดนคดีเนื่องจากขัดคำสั่ง คสช.กันถ้วนหน้า ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ชี้ขาดอนาคตทางการเมือง

นาทีนี้ความมั่นใจจึงมาสู่พรรคพลังประชารัฐ อย่างที่ “สุริยะ” ส่งสัญญาณกับสมาชิกกลุ่มสามมิตร ที่สนามกอล์ฟ ไพน์เฮิร์สท แบบชัดเจนว่า “อยากสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯต่อไป ผมได้เข้าไปรู้เบื้องลึกที่ท่านจะทำต่อไป และได้สื่อสารผ่านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ รวมทั้งคุยกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และแกนนำใหญ่ๆ ของรัฐบาลมาตลอด ทำให้เต็มใจที่จะช่วย พล.อ.ประยุทธ์

ได้เห็นความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตั้งใจแค่ไหน ตอนอยู่พรรคไทยรักไทยตนทำเพื่อประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง จึงอยากสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไป เลยคิดจะมาตั้งพรรคพลังประชารัฐ

“ผมเล่นการเมืองมาพรรคเดียวตลอดชีวิตคือ พรรคไทยรักไทย ตนอยู่พรรคไหนพรรคนั้นสบาย ได้เป็นรัฐบาล ส่วนนายสมศักดิ์ได้เป็น ส.ส.เมื่อใดก็ได้เป็นรัฐบาลทุกครั้ง และจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง”

แม้จะสวนทางกับผลโพลของสวนดุสิตโพลที่เผยแพร่ออกมาล่าสุดถึงความสนใจของประชาชนต่อพรรคการเมือง ที่สนใจพรรคพลังประชารัฐมาในอันดับที่ 4 อยู่ที่ 17.39% กับเหตุผลที่ว่า มีกระแสต่อเนื่อง เกี่ยวข้องกับรัฐบาลปัจจุบัน เป็นพรรคใหม่ มีนักการเมืองเข้ามาร่วมหลากหลาย ฯลฯ

เป็นรองจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์

เพราะเป้าหมายของ ส.ส.แทบจะเกือบ 100% คงไม่พ้นความหวังที่จะได้เข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ยิ่งมาดูตัวเลขงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ที่ผ่านวาระแรกของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) วงเงิน 3 ล้านล้านบาทด้วยแล้ว

นับจากนี้ไปจนถึงวันกาบัตรเลือกตั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562

กลยุทธ์ของ “พรรคพลังประชารัฐ” คงจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเดิมพันการเลือกตั้งในครั้งนี้มีมูลค่าสูงยิ่ง

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image