แด่ ‘ครูวิภา’ ด้วย ‘หนี้ กยศ.’ จาก..ศิษย์ไร้สำนึก!!

กระหึ่มโซเชียลมีเดียกันเลยทีเดียว ภายหลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าเรื่อง “ครูวิภา” ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร

หลังเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีนำคำสั่งศาลมายึดทรัพย์ บ้าน และที่ดิน ในฐานะที่ครูวิภาได้ค้ำประกันเงินกู้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้กับ “ลูกศิษย์”

ซึ่งทำเอาเจ้าตัวคงแทบช็อกเลยทีเดียว  แต่ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดกว่า 60 กว่าคน ที่ครูวิภาช่วยค้ำประกันเงินกู้ กยศ.ให้ มี 21 ราย ที่ปฏิบัติการ “เบี้ยวหนี้”

ถึงขั้นที่ครูวิภาเคยไปติดตามลูกศิษย์เหล่านี้ถึงประตูบ้าน ซึ่งแต่ละคนก็รับปากซะดิบดีว่าจะจ่ายหนี้ กยศ.แต่สุดท้ายก็หายเข้ากลีบเมฆ

Advertisement

บางราย “เจตนา” เบี้ยวหนี้ชัดเจน เพราะโอนทั้ง “บ้าน”, “รถ” และ “ที่ดิน” ไปให้คนอื่นถือครองแทน

ทำให้ครูวิภาต้อง “แบกรับ” ภาระจ่ายหนี้แทนลูกศิษย์เหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่ผ่านมา ครูวิภาได้ทยอยชำระหนี้แทนลูกศิษย์ไปแล้ว 3 ราย จาก 4 ราย ตามที่มีหมายศาลบังคับคดีให้เร่งชำระหนี้กว่า 9 หมื่นบาท

Advertisement

แต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ครูวิภาถึงกับน้ำตาตก เมื่อศาลบังคับคดีได้เร่งให้ชำระเงินกู้ของลูกศิษย์รายที่ 4 แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นการบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สิน

ทั้งบ้านที่ราคาประเมินอยู่ที่ 1 ล้านกว่าบาท และโฉนดที่ดินอีก 1 แปลง ราคาประเมินประมาณ 6 แสนบาท

ในขณะที่ตัวครูวิภาเองกังวลว่าอาจถูกฟ้องล้มละลาย ทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นข้าราชการ และต้องถูกให้ออกจากราชการ ทั้งๆ ที่ทำหน้าที่ครูอย่างเต็มที่แล้ว

ผลจากที่ครูวิภาถูกยึดทรัพย์ครั้งนี้ ก็เนื่องจากมี “จิตวิญญาณครู” ที่เต็มเปี่ยม และในฐานะ “เรือจ้าง” ที่ครูวิภาต้องการส่งบรรดาลูกศิษย์ให้ถึงฝั่ง ให้ได้เรียนสูงๆ จะได้มีการมีงานดีๆ ทำ จึงยอมเซ็นค้ำประกันร่วมให้

นับเป็นความเจ็บช้ำน้ำใจอย่างยิ่งสำหรับครูดีๆ ที่ต้องมีหนี้มีสินล้นพ้นตัว เพราะ “หวังดี” กับศิษย์

ไม่ใช่เป็นหนี้ เพราะกู้เงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนครูบางกลุ่ม แถมยังประกาศ “ปฏิญญาเบี้ยวหนี้” หน้าตาเฉยอีก

แต่ดูเหมือนบรรดาลูกศิษย์ที่ได้เรียนจบสูงๆ มีอาชีพดีๆ และบางรายมีกิจการเป็นของตัวเอง เพราะครูวิภา

กลับ “ไร้จิตสำนึก” ว่าที่มีวันนี้ได้..เพราะใคร??

ปัญหานี้ ผู้บริหารกองทุน กยศ.รับทราบ และหารือกับกรมบังคับคดี ผลการไกล่เกลี่ยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า

จะระงับการบังคับคดี และขายทอดตลาดในเดือนสิงหาคม ไว้ชั่วคราว

พร้อมกันนั้น จะเพิ่มความเข้มข้นในการติดตามตัว และทรัพย์จากผู้กู้ รวมถึง ผู้ค้ำประกันรายอื่นๆ

ที่เป็นผู้ปกครอง หรือญาติพี่น้อง ก่อนจะนำมาหักกับส่วนที่ครูเป็นผู้ค้ำประกัน

ซึ่งขั้นตอนทางกฎหมายเหล่านี้ ก็ต้องว่ากันไป

ขณะเดียวกัน กยศ.คงต้องปรับมาตรการติดตาม ทวงหนี้ “ลูกหนี้” ตัวจริง ให้เข้มข้นขึ้นกว่านี้

เพราะกรณีที่ “ครู” ค้ำประกันเงินกู้ กยศ.ให้ลูกศิษย์ลูกหา แล้วเจอลูกศิษย์ไร้สำนึก เบี้ยวหนี้…

ไม่น่าจะมีแค่ครูวิภาเพียงรายเดียว…

ส่วนการเดินหน้า “ฟ้องร้อง” ลูกศิษย์สุดแสบทั้งหลายให้ใช้หนี้คืนนั้น ครูวิภายืนยันไม่เคยคิดทำร้ายลูกศิษย์

ไม่อยากฟ้องร้อง เพราะลูกศิษย์ก็คือลูกศิษย์ แค่อยากให้มาพูดคุยกันว่าจะใช้หนี้คืนอย่างไร

พร้อมฝากไปถึงลูกศิษย ว่า “คนดี” ครอบคลุมในเรื่องของความซื่อสัตย์ สุจริต ความมีคุณธรรม และความรับผิดชอบ

เรียกว่าในฐานะครู พร้อมจะ “ให้อภัย” ลูกศิษย์ได้เสมอ

ส่วนบรรดา “ศิษย์คิดล้างครู” คือ “เนรคุณ” ผู้มีพระคุณอย่าง “ครู” ได้

ถ้ายัง “ไม่สำนึก” ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

ต่อให้ทำมาหากินอะไร ก็คงไม่มีทางเจริญรุ่งเรือง…

เพราะต่อให้หนีพ้นเงื้อมือของกฎหมายไปได้ ก็คงหนีไม่พ้นคำ “ก่นด่า” และเสียง “สาปแช่ง” ที่จะตามติดเป็นเงาตามตัวไปจนตาย!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image