1. อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เกิด 26 ก.ค.2492
ปีนี้ อายุ 69 ปี ฉลองวันเกิดด้วย หมายจับใบที่ 5 ขณะที่ดีเอสไอ ส่งสำนวน เห็นสมควรฟ้อง “โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” ในคดีเงินแบงก์กรุงไทยให้อัยการดำเนินการต่อไป
ขณะที่ถนนหลายสายมุ่งไปที่ลอนดอน อดีตส.ส.หลายคนบินไปร่วมแฮปปี้เบิร์ธเดย์
หลังจากรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดย “บิ๊กบัง” พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ขณะนั้น ทักษิณพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ที่นั่งมาตั้งแต่ปี 2544
รัฐบาลหลังรัฐประหาร นำโดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คืนอำนาจตามคำสัญญาในเวลา 1 ปี
พรรคพลังประชาชน “คัมแบ๊ก” กลับมาชนะเลือกตั้ง 23 ธ.ค. 2550
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ทักษิณเดินทางกลับประเทศ
แต่สถานการณ์ในประเทศเปลี่ยนไปมากแล้ว สองสัปดาห์ ก่อนหน้าศาลตัดสินคดีที่ดินรัชดาภิเษก ทักษิณเดินทางไปปักกิ่ง ที่กำลังจัดกีฬาโอลิมปิก และไม่กลับไปประเทศไทยอีกเลย
2. รวมแล้ว เกือบ 10 ปี ขาดไม่กี่เดือน หรือเกือบ 1 ทศวรรษ ที่อดีตนายกฯ คนนี้ ต้องจากประเทศบ้านเกิดเมืองนอนไป ด้วยผลของการเมือง
ขณะที่ในทางการเมือง กระแสข่าว “ดูด” กำลังกระหึ่ม พุ่งเป้าไปที่ฐานภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย ดังที่เห็นจากครม.สัญจรเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
การจัดสร้างเครื่องมือดูดระดับ” 3 มิตร” ส่งผลไม่ธรรมดา
อดีตส.ส.หลายคนอาจต้องโอนอ่อนไปกับพลังดูดในรอบนี้
ในระยะ 10 ปีที่ทักษิณต้องไปอยู่ต่างประเทศอย่างยาวนาน มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2554 พรรคเพื่อไทยชนะ ส่งผลให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
น้องสาวทักษิณ กลายเป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศเป็นชัยชนะจาก”ความนิยม” ในตัวทักษิณ โดยแท้ เพราะยิ่งลักษณ์เองไม่เคยเปิดตัวเล่นการเมืองมาก่อน
สร้างความเป็นเดือดเป็นแค้นให้กับพรรคคู่แข่ง และพลังฝ่ายขวาที่ชิงชังรังเกียจทักษิณ
ปี 2554 – 2555 มีการ”ทดลอง” จุดชนวนม็อบ เพื่อล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายครั้ง ด้วยความร่วมมือของพรรคคู่แข่ง กลุ่มทุน และกลุ่มอำนาจฝ่ายขวาที่ร่วมมือกันหลายฝ่าย ทั้งอดีตข้าราชการระดับสูง และข้าราชการในระบบที่เสียอำนาจจากนโยบายของทักษิณ
ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่” จุดไม่ติด “
จนกระทั่ง”หัวเขียง ประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ” ส.ส.มหาสารคาม แปรญัตติ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จากเดิมที่มุ่งช่วยประชาชนคนเล็กคนน้อยที่ถูกจับกุมจากคดีชุมนุมการเมือง
ให้ครอบคลุมที่เรียกว่า ” เหมาเข่ง” เรียกแขกมารุมกินโต๊ะ กลายเป็นการชุมนุมชัตดาวน์ แม้รัฐบาลถอยกรูดๆ ถอนร่างกฎหมาย ยุบสภา กำหนดวันเลือกตั้ง แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ม็อบต้านฉวยจังหวะไว้แน่น เดินหน้าบดขยี้ กดดันยิ่งลักษณ์ลาออกจากรักษาการณ์นายกฯ ล้มเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 และเมื่อยิ่งลักษณ์เจอคำตัดสินกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ จากการโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเลขาฯสมช. พร้อมกับ 8 รมต.ที่ร่วมลงมติ
พรรครัฐบาลขณะนั้นให้ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีอันดับ 2 รักษาการนายกฯ
ความพยายามของม็อบชัตดาวน์จะให้รัฐบาลพ้นจากอำนาจไม่เป็นผล เพราะกฎหมายเขียนปิดช่องว่างไว้หมด ไม่ให้เกิดสภาพ”สุญญากาศ” ทางการบริหาร
สุดท้าย จึงเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เพื่อ” ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ตามคำขวัญของม็อบชัตดาวน์
ยิ่งลักษณ์และอดีตรมต. จำนวนหนึ่ง เจอคดีจำนำข้าว และเช้าวันที่ศาลนัดตัดสิน 24 ส.ค. 2560 ยิ่งลักษณ์ไม่มาปรากฎตัว และเดินทางไปปักหลักที่ดูไบ ก่อนไปที่ประเทศอังกฤษ
ทำให้ประเทศไทยมีอดีตนายกฯ จากเลือกตั้ง 2 คน นามสกุลเดียวกัน ต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ
3.การรอคอยครั้งล่าสุด ของทักษิณ ในวัยก่อน 70 ปี ได้แก่ “การเลือกตั้ง “ที่คสช.เลื่อนมาแล้ว 5 ครั้ง
และสุดท้าย กำหนดไว้ที่เดือนก.พ. 2562 คือปีหน้า
ทักษิณหมายมั่นปั้นมือกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นว่า ผลน่าจะออกมาอย่างถล่มทลายเหมือนเลือกตั้ง 2 ก.ค. 2554 และจะเป็นบทพิสูจน์หรือคำตัดสินจากประชาชนอีกครั้งว่า ประชาชนยืนอยู่ข้างใคร ใครผิดใครถูกกันแน่
และอาจจะอาศัยผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองประเทศไทย
แต่คสช.ก็รับบทเรียน” เสียของ” มาแล้วเต็มๆ และ” จัดเต็ม” ด้วยกฎหมายต่างๆ ดักหน้าดักหลัง ไว้ราวกับ” ค่ายกล” ไร้ตะเข็บ เนียนเรียบราวภูษิตฟ้าผลงานการดีไซน์ของปรมาจารย์แห่งบู๊ลิ้ม
นับเป็น “เดิมพัน” ยิ่งใหญ่แห่งทศวรรษ ที่ผ่านการสะสมเงื่อนไขต่างๆ ทำเอาสะบักสะบอมไปตามๆกัน
ต่างฝ่ายต่างได้เปรียบเสียเปรียบกันคนละอย่างสองอย่าง
แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถก้าวล่วงไป”จัดตั้ง”ได้ นั่นคือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง2562 (เกิดก่อนวันที่ 3 มกราคม 2544) จำนวน 51,564,284 คน
เสียงข้างมากจาก 51 ล้านจะทำให้การรอคอยของทักษิณสิ้นสุดอย่างสมหวังปลาบปลื้ม หรือจะส่งเสริมปณิธานของคสช. ที่หัวเด็ดตีนขาดไม่ยอม”เสียของ”
คือประเด็นใหญ่ที่สังคมไทย รอคอยการมีส่วนร่วมและรอคอยดู-ฟังผล ด้วยใจจดจ่อ
