| ผู้เขียน | นวลนิตย์ บัวด้วง |
|---|
ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ จะได้รับฟังปาฐกถาพิเศษเรื่อง”โครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” หลังการกดปุมเปิดตัวโครงการใช้มือถือรับชำระค่าสินค้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อม สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
ผลพวงของงาน คือ อาจได้รู้กันชัดขึ้นถึง”อนาคต”สวัสดิการเพื่อผู้มีรายได้น้อย ก่อนและหลังการเลือกตั้ง เป็นอย่างไร ผู้มีรายได้น้อยจะคงได้เงินต่อ 300-500 บาทต่อเดือน อีกนานแค่ไหน
รวมถึง”ผลลัพธ์”ตามคำบอกเล่าของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงที่มาของโครงการนี้ ไว้ว่า “เรียกได้ว่าโครงการถูกเติมเต็มจนครบทุกด้าน ไม่แค่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ยังเป็นการช่วยโชวห่วยให้ฟื้นคืนชีพ ช่วยร้านค้ารายเล็กรายน้อย มักพูดว่ารัฐไม่ดูแล…”
ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ผู้ให้บริการชำระซื้อสินค้าจะไม่จำกัดแค่ร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือ ร้านโชวห่วยที่เข้าโครงการได้ไม่มากรวมกัน 4 หมื่นราย ก็เพราะทุกร้านค้าใช้เครื่องรูดบัตรหรือเครื่องอีดีซี แต่โครงการใหม่นี้ เพียงนำโปรแกรมประยุกต์ Mobile Application ที่พาณิชย์เรียกว่า ถุงเงินประชารัฐ ติดตั้งลงบนมือถือร้านค้าหรือพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าโครงการ
ไม่เลือกว่าเป็นใคร เปิดโอกาสให้ตั้งแต่ ร้านค้าจิ๋วในซอกซอย ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านส้มตำ ร้านข้าวราดแกง หรือร้านค้าในตลาดสด ขายหมู ผัก ผลไม้ แม้กระทั่งรถเร่ และร้านขายยาฯ ดังนั้น จากร้านกระจุกตัวหลักหมื่น ก็จะเพิ่มเป็นหลักแสนสองแสนในระยะสั้น
ที่ร้านธงฟ้าเคยนอนรอ.. ทุกสิ้นเดือนรับเงินชัวร์ๆ ร้านธงฟ้าที่อยู่ในโครงการตั้งแต่ต้น จำนวน 2 หมื่นร้าน กับ 4 พันล้านบาทต่อเดือน หรือ 4.8 หมื่นล้านต่อปี วันนี้กลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ
จากนี้ ก็จะถูกกระจายไปทุกซอกซอยทุกถนน แม้จำนวนเงินเท่าเดิม 4 พันล้านบาท แต่ปลายทางจำนวนผู้ให้บริการเพิ่มเป็นแสนๆราย ในเวลาอันสั้น เพราะเพิ่งเปิดรับสมัครแค่ 14 วันยอดสมัครเกิน 2 หมื่นรายแล้ว
ตามทฤษฎี นักเศรษฐศาสตร์มักพูดเสมอว่า คนจนได้เงินจะรับใช้ทันที และ เงินทุก 1 บาทจะถูกใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่ำ 3-5 รอบ หากโครงการนี้ตรงตามทฤษฎี เงินจาก 3-5 รอบจาก 2 หมื่นร้าน การหมุนเวียนจะก่อมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้าน แต่จากช่องทางเงินกระจายไปกว้างขวางขึ้น เข้าถึงร้านค้ามากขึ้น เงินเท่ากันการหมุนเวียนได้กว้างขึ้น มูลค่าก่อเกิดในระบบเศรษฐกิจอาจสูงถึง 2 แสนล้านบาท
ยังได้ใจอีกโข กับ ร้านค้าริมทางริมถนน ที่หันมาสนใจรัฐบาลบิ๊กตู่มากขึ้น
ก็หวังว่า “อย่าเป็นแค่เงินขวัญถุง”
เมื่อหมดปีงบประมาณเดือนก.ย.ทุกอย่างก็จบลง!
