‘นักโหนระยะสั้น’ กับสัญญาระยะยาว คำทวงถามจาก ‘น้องแบม -หม่อง ทองดี’

กรณีของนางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือ “แบม” ยอมเป็นหน่วยกล้าตายสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคามไปฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น เห็นความเน่าเฟะของวงข้าราชการที่โกงกินเงินคนจนกันไม่อายนรก ก่อนจะร่วมกับเพื่อนฝึกงานอีกคนเปิดโปงออกมา นำไปสู่การตรวจสอบทั้งประเทศ มีการปลอมลายเซ็นในเอกสารราชการแล้วรับเงินแทนชาวบ้าน

วันนี้ ปณิดา จบการศึกษาแล้ว ออกมาเรียกร้องถึงสัญญาปากเปล่าจากผู้ใหญ่ใจดีที่เคยให้ข่าวใหญ่โตว่าจะรับเข้าทำงาน ถึงขั้นรัฐมนตรีพาเข้าไปให้นายกรัฐมนตรีได้เจอตัวและแสดงความชื่นชม

กลายเป็นเรื่องโต้กันเหมือนตีปิงปอง ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง เมื่อทาง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ปณิดาจะได้เข้ารับราชการที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในเร็วๆ นี้

ถือว่าเป็นความโชคดีโดยแท้ของ ป.ป.ท.ที่จะได้คนแบบนี้เข้าไปร่วมทำงานด้วย ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศก็ร่วมทำงานกันอย่างแข็งขัน เข้าตรวจสอบข้อมูลจนได้ตัวผู้ที่กระทำความผิดมากมาย ดังนั้น การที่ ปณิดาจะเป็นส่วนหนึ่งของ ป.ป.ท. ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรดีขึ้นไปอีก ข้าราชการองค์กรนี้นอกจากปฏิบัติตามหน้าที่สมกับที่มุ่งมั่นเข้ามาแล้ว ยังต้องมีความกล้าหาญที่จะเผชิญกับการขจัดความไม่ถูกต้องด้วย

Advertisement

มีหลายคนถามต่อว่า จะมีโอกาสแค่ไหนที่จะเห็น ปณิดา 2 หรือ ปณิดา 3 กล้าออกมาเปิดโปงเช่นนี้อีก ก็ต้องมีอีกแน่นอน การออกมาให้ข้อมูลของปณิดานั้น เชื่อว่าไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เพราะไม่คุ้มค่าอะไรเลยกับการที่ทั้งครอบครัวถูกขู่จากที่มืดบ้าง การที่รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้มีความสุขเหมือนเก่า ยังต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอด

ส่วนการได้โอกาสพิเศษกว่าคนทั่วไป ได้เข้าทำงานรับราชการหรือในหน่วยงานภาคอื่นๆ ถือเป็นผลพลอยได้ สู้ไม่ต้องไปคิดถึงเลยจะดีกว่า บังเอิญว่า ปณิดา จำแม่นมีผู้ใหญ่พาไปขึ้นเวทีบ้าง เข้าพบผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองบ้าง แล้วก็รับปากถึงหน้าที่การงาน เลยกลายเป็นประเด็นขึ้นมาที่เจ้าตัวรู้สึกว่าไม่มีการทำตามสัญญาที่เคยว่าไว้ ยังไม่นับที่อื่นอีก ล้วนจะพาเข้าทำงาน คงต้องไปสืบเสาะอ่านข่าวกันตั้งแต่ต้นแล้วจะเห็นเลยว่า เหมือนมาร่วมเกาะกระแสทั้งนั้น

พลอยให้นึกถึงกรณีของ “หม่อง ทองดี” เด็กไทยใหญ่ มีพ่อแม่เป็นแรงงานพม่า สมัยอายุ 9 ขวบ แข่งพับเครื่องบินกระดาษจนได้เป็นตัวแทนไปแข่งที่ญี่ปุ่น ผ่านมา 11 ปี หม่องเดินหน้าขอสัญชาติไทยตามขั้นตอนมากมาย สุดท้ายไปไม่ถึงไหน ก่อนมีกระแสติดลมของ 4 หมูป่า ติดถ้ำหลวง ที่ต่อมาเชียงรายออกสัญชาติไทยให้ ทำให้สื่อหลายสำนักพร้อมใจกันนึกถึงหม่องขึ้นมาทันที จนน่าจะเกิดแรงกระเพื่อม ทำให้เวลานี้ หม่องที่มีเงื่อนไขการขอเข้าหลักเกณฑ์ รอแค่ยื่นให้ทางเชียงใหม่พิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น

Advertisement

เรื่องของหม่องก็ไม่ต่างกัน ที่มีคนในรัฐบาลเมื่อ 11 ปีที่แล้วไปเที่ยวพูดออกเป็นข่าวว่าจะให้สัญชาติไทย

โดยสองเคสนี้เกิดจากการรับปากไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านสื่อทำให้เกิดความหวังขึ้นมา เมื่อไม่มีการทำตามที่อ้างไว้ จึงเป็นหน้าที่ของคนในสังคมอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ ทำไมที่ยืนของคนเหล่านี้หายไปอย่างรวดเร็ว

หรือการที่ทั้งสองกระทำความดีและหวังดีต่อส่วนรวมเป็นข้อเท็จจริงหรือเป็น “ของจริง” ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ส่วนที่เข้ามาขนาบข้าง พาไปร่วมหลงกับกระแสความปลาบปลื้ม การเป็นผู้ใหญ่ใจดีให้เด็กเห็นก็ล้วนเป็น “มายา” เสแสร้ง ทั้งสิ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image