ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | พันธศักดิ์ รักพงษ์ |
ผมจับตาความเคลื่อนไหวของเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ต่อต้านการใช้สารเคมีในประเด็นการต่อสู้เพื่อแบน 3 สารกำจัดศัตรูพืช ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต
โดยเฉพาะท่าที “อาจารย์ยักษ์” ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ หรืออีกบทบาทหนึ่ง คือ ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ซึ่งทำงานตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ท่าทีของ “อาจารย์ยักษ์” มีความชัดเจนขึ้นในงานมหกรรมสมุนไพรและอาหารครั้งที่ 3 ที่อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อ “อาจารย์ยักษ์” ประกาศจุดยืนกลางเวที “ ต่อต้านการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการเกษตรทุกรูปแบบ
เพราะการนำปุ๋ยเคมีและสารเคมีมาใช้ในการเกษตร วิถีชีวิตเราเปลี่ยนไป พืชผลทางการเกษตรไม่ปลอดภัย
เหมือนก่อน อีกทั้งเมื่อนำมาผลิตเป็นอาหารก็ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน
“อาจารย์ยักษ์”ออกมาท้าท้ายอย่างชัดเจนว่า “ ถ้าผมทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่อยู่ ผมไม่กลัวตาย ไม่กลัวถูกไล่ออก เพราะยืนยันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ”
การประกาศเช่นนี้นอกจากยืนยันในเกียรติภูมิที่ตนเองผลักดันและทุ่มเททำงานเรื่องนี้มาตลอดชีวิต ขณะเดียวกันก็ท้าชนกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจค้าขายสารเคมีที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาลทหารเช่นกัน
พร้อมๆกับโยนแรงกดดันไปที่การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาเรื่องการยกเลิกหรือแบนการใช้ 3 สารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งจะมีการประชุมในวันรุ่งขึ้น
ซึ่งผลประชุมได้ก็สร้างความผิดหวังให้กับเครือข่ายภาคประชาชนที่ต่อต้านการใช้สารเคมีเป็นอย่างมาก เพราะมีมติออกมาแค่ 3 ข้อ คือ 1.ไม่ให้ใช้สารทั้ง 3 ชนิดโดยสิ้นเชิงในพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัว สมุนไพร พื้นที่ต้นน้ำ
และพื้นที่สาธารณะ 2.กำหนดสถานที่หรือโซนนิ่งสำหรับพืชเศรษฐกิจที่ และ3.ให้ใช้สารคลอร์ไพริฟอสในการปลูกไม้ผลไม้ดอกและพืชไร่เท่านั้น
และขอเวลาอีก1-2 ปีถึงจะแบนสารเคมีทั้ง 3 ชนิดโดยสิ้นเชิง
มติเช่นนี้ทางเครือข่ายมีความเห็นตรงกันว่าเป็นการซื้อเวลาและรัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ปัญหา
ล่าสุด ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาแฉว่า อาจารย์ยักษ์จะโดนปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรี
ซึ่งหากเป็นจริงแสดงว่าก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลบอกเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องไม่จริงและประชาชนคงจะลุกขึ้นมาต่อสู้แน่นอน
เช่นเดียวกับ นายธีระ วงษ์เจริญ ที่ปรึกษารมช.เกษตรฯ บอกว่า ตั้งแต่มีกระแสออกไปกลุ่มประชาชนแสดงความเป็นห่วงและตำหนิรัฐบาลว่าละทิ้งกลุ่มฐานล่าง
หลังจากนี้ต้องจับตาท่าที “อาจารย์ยักษ์” เมื่อมาถึงทางแยกของการตัดสินใจระหว่างอุดมการณ์การทำงานที่ยึดมั่นมาทั้งชีวิต กับตำแหน่งทางการเมืองที่รัฐบาลทหารหยิบฉวยภาพลักษณ์ของอาจารย์ยักษ์มาแต่งแต้มสีสันให้ครม.
เพราะตำแหน่งทางการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ภาพลักษณ์และเกียรติภูมิจะติดตัวกับเราตลอดไป