| ที่มา | มติชนออนไลน์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | ไตร27 |
ใกล้“ปลดล็อก“กติกา เพื่อให้มีจัดเลือกตั้งส.ส.
ดูเหมือน ท่าทีพรรคประชาธิปัตย์ ขยับ อย่างตื่นตัว และตื่นเต้น
เป็นความตื่นตัว และตื่นเต้น ที่เห็นชัดเมื่อเทียบกับพรรคอื่น
หัวหน้ามาร์ค กางปฏิทิน ทำโรปแมปชัดเจน โชว์ความเป็นสถาบันพรรคการเมือง 70 กว่าปี
ปลายเดือนกันยายนนี้จะมีการประชุมใหญ่แก้ข้อบังคับพรรค
เพื่อจัดให้มีการหยั่งเสียงหัวหน้าพรรคผ่านแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ
ตอนนี้ “ถวิล ไพรสณฑ์” ได้รับมอบให้เป็นโต้โผทำรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่
เทียบ”ดีกรี”กันแล้ว นาทีไม่มีใครกล้าทาบ “หัวหน้ามาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้
ทั้งความเป็น นายกรัฐมนตรี 2 สมัย โปรไฟล์ส่วนตัวไม่ธรรมดา เกิดนอก เด็กนอก ดีกรี”ออกซ์ฟอร์ด”การันตรี
แม้น อาจถูกนินทาจากลูกพรรคบ้าง ในบางมุม คิดเล็กคิดน้อย จุกจิก หยุมหยิม
แต่เวลานี้ในสายตาคนนอก หนุ่มมาร์ค “หล่อสุด”
ที่เปิดออกหน้ามา แต่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ มี”บิ๊กจ้อน” นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
แบะทางว่าถูกทาบทามให้ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จากทางสาขาพรรคและอดีตส.ส.บางส่วน
อดีตส.ส.เมืองเพชรผู้นี้ชี้”จุด”ที่คนถูกใจใครหลายคนถึงกับต้องตบอกผาง ว่าถ้าทำ 4 ข้อนี้ สำเร็จชัวร์!
“พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม”ชนะเลือกตั้งแน่
นั่นคือ 1.ปฏิรูปภาวะผู้นำ 2.การบริหารจัดการ 3.ความคิดวิสัยทัศน์และนโยบาย และ4.วัฒนธรรมองค์กรคือความเป็นประชาธิปไตยในพรรค
ฟังดูออกชัดเจน “ตีวัวกระทบคราด”ส่ง”สาร”นี้ไปถึงใคร ??
แน่นอนว่าถ้า “บิ๊กจ้อน” เกิดพิสมัย อาสาเป็น”ตัวเลือก”หนึ่งให้กับสมาชิกครั้งนี้จริง
ต้องฝ่าด่าน ซึ่งเป็น”กติกา” ผู้ที่กุมอำนาจพรรคให้ มือกฎหมาย อย่าง”ถวิล” ร่างอยู่ขณะนี้
นั่นคือ ผู้ที่จะได้”แคนดิเดต” หัวหน้าพรรค กรณีเป็นสมาชิกพรรค ต้องมี อดีตส.ส.พรรครับรอง 20 คน หรือ สมาชิกพรรครับรอง 500 คน
ส่วนกรณีคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกที่จะมาเป็น”แคนดิเดต” ต้องมีอดีตส.ส.พรรครับรอง ถึง 40 คน หรือ มีสมาชิกพรรครับรอง 4,000 คน
นอกจาก “บิ๊กจ้อน”แล้ว ในปชป.ยังมี การพูดถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่คาดหมายจะลงสนามแข่ง “หัวหน้าพรรค”ด้วย แต่ยังไม่เปิดหน้าชัด
และอีกคน“หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ที่มีคนบอกว่ามาแรงผลักดัน”สายกำนัน”
ซึ่งคนบอกนี้ไม่ใช่ใคร รู้กันเป็นการภายในว่า เป็นเด็กๆแก๊งไอติมข้างกาย”ผู้มีอำนาจ”ในพรรค ที่ยังหวังดิสเครดิต สาย”สุเทพ เทือกสุบรรณ”ที่แยกออกไปตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย นั่นเอง
ทั้งหมดแค่”น้ำจิ้ม”ที่เป็นจังหวะก้าวสำคัญ ที่จะพิสูจน์ประชาธิปไตยใน”ประชาธิปัตย์”อีกครั้ง
ว่าจะนำไปสู่ การคว้าชัยการเลือกตั้ง เป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดให้บริหารประเทศหรือไม่?
