นับตั้งแต่วาระการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทยอยหมดกันไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ทั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นรวมทั้งหมด 7,852 แห่ง ล้วนแต่ต้องต่อลมหายใจด้วยคำสั่งของคสช.ให้รักษาการไปพลางๆ รอจนกว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างเป็นทางการ
หากปักหมุดจากวันรัฐประหารเกิดขึ้น 22 พฤษภาคม 2557 และมีข้อเสนอของกกต.ชุดใหม่ที่ระบุว่า อยากให้การเลือกตั้งอปท.ทั่วประเทศ เว้นห่างจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ยันไว้ว่าจะเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เว้นห่างสัก 3 เดือน เท่ากับว่า ท้องถิ่นจะเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน หรือรอคอยที่จะกลับมาเลือกตั้งอีกครั้งในรอบ 5 ปีเต็มๆ
เป็น 5 ปีที่ยังไม่แน่นอนว่า จะได้เลือกตั้งตามที่กกต.คำนวณไว้หรือไม่ เพราะคำตอบสุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับ คสช.ที่ยังทรงอำนาจอยู่
ปีที่แล้ว เคยบอกกันว่า การเลือกตั้ง ส.ส.จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งท้องถิ่น คาดคะเนกันว่า นักการเมืองระดับชาติหลายคนจะจ่อทิ้งสนามของตัวเองลงไปทำหน้าที่ตัวแทนระดับรากหญ้า เพราะไม่ต้องการติดหล่มกับขั้นตอนกติกาของการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ปวดหัวปวดกบาลไปตามๆ กัน ไหนจะได้ลุ้นกับการเป็นตัวแทนของพรรคอีกหรือไม่ แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง ถนนทุกสายมุ่งไปที่การเมืองระดับใหญ่ หากใครพลาดพลั้งไม่เป็นที่ต้องการก็ยังมีโอกาสหันมาต่อสู้ในเกมท้องถิ่นได้อีก มีให้ลุ้นให้เลือกตามถนัด ทั้งผู้ว่ากทม. นายกเมืองพัทยา ไปจนถึงนายกอบจ.
สดๆร้อนๆ ประกอบกับเมื่อ 4 กันยายนที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 6 ฉบับแล้ว ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. …, ฉบับที่ 2 ร่าง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่…) พ.ศ. …, ฉบับที่ 3 ร่าง พ.ร.บ.เทศบาล (ฉบับที่…) พ.ศ. …, ฉบับที่ 4 ร่าง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่…) พ.ศ. …, ฉบับที่ 5 ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่…) พ.ศ. … และฉบับที่ 6 ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่…) พ.ศ. …
จากนี้รอส่งสายพานเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่คาดว่าต้องใช้เวลาพิจารณาร่วม 2 เดือน ไปตกช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เบ็ดเสร็จกว่าจะมีผลบังคับใช้ก็น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562 และไปลงล็อกเลือกตั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมของปีเดียวกันอย่างที่กล่าวไปข้างต้น
ส่วนที่จะให้ท้องถิ่นไหนเลือกก่อนนั้น ล่าสุด แพลมๆ มาว่า จะจัดคิวให้พื้นที่พี่น้องประชาชนชาวกทม.ได้เลือกผู้ว่าฯกันก่อน
น่าสนใจที่ว่า หากไล่ตามปฏิทินเลือกตั้ง เหล่าพรรคการเมืองที่หลังสู้ศึกเลือกตั้งระดับชาติแล้ว ต้องหันมาคัดสรรเลือกตัวบุคคลที่จะลงชิงผู้ว่ากทม.กันต่อ คงไม่พ้นระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” และก็อาจจะเห็น “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ที่แปลงร่างมาจาก “กปปส.” ยังให้ระลึกคิดถึงกันได้อยู่ นำโดยลุงกำนัน พร้อมพวกแกนนำที่เคยสร้างวาทะกรรม “กู้ชาติ” ช่วยไล่ “ชัตดาวน์” กรุงเทพฯ เพื่อล้มรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยมาแล้ว
ไม่นานมานี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ บอกเป้าหมายของพรรคในการสู้ศึกสนามใหญ่ไม่ได้หวังจะต้องเป็นที่ 1 แต่การทำพรรคการเมืองอย่างน้อยต้องมี ส.ส.ในสภาสัก 50-60 คน ถึงจะมีกำลังและพลังผลักดันในทิศทางที่ต้องการ พร้อมจะส่งผู้สมัคร 350 เขต
เมื่อย้อนกลับมาที่สนามกทม. ต้องยกให้ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม จะเป็นการพิสูจน์กันอีกครั้งว่า คนกทม.จะเลือกใคร โดยเฉพาะก้อนคะแนนที่คุณชาย หรือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร สวมหมวกปชป.และพวกเดียวกับลุงกำนัน เคยได้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 ครั้งนั้นฟาดไป 1.25 ล้านเสียง ถ้าลุงกำนันสู้ในสนามกทม. และก็มีความเป็นไปได้สูง เท่ากับทั้งพรรคของลุงกำนันกับประชาธิปัตย์ มีอะไรให้พี่น้องกองเชียร์ต้องวัดใจกันไม่มีที่สิ้นสุด ในปี 62 ที่ถือเป็นปีแห่งการเลือกตั้งของประเทศไทย อย่าลืมว่า ประชาธิปัตย์ในเวลานั้นอาจจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้วก็ได้ หรืออาจจะเป็น “อภิสิทธิ์” คนเดิม
ถัดจากกทม. ก็จะถึงคิวของเมืองพัทยา ตระกูล “คุณปลื้ม” ได้รับความไว้วางใจมาตลอด ต้องมาดูกันต่อว่า พื้นที่เมืองท่องเที่ยวระดับโลกนี้ยังจะมีศรัทธาเดิมเหลืออยู่ไม่ ยอมให้นักการเมืองตระกูลนี้ได้ดูแลต่อหรือไม่
ก่อนเข้าสู่โหมดใหญ่การเลือกตั้งอปท.อย่างแท้จริง จะมีการซอยเลือกตั้งออกเป็น 2 ช่วง เริ่มจาก 40 จังหวัดที่ไม่เปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง และช่วงที่ 2 เลือกตั้งใน 36 จังหวัดที่ปรับเปลี่ยนเขตเลือกตั้ง เริ่มต้นจะเป็นการเลือกตั้งของสนามอบจ.ทั้ง 76 จังหวัด อย่างที่บอกอาจจะมีผู้สมัคร ส.ส.ที่สอบตก หรือผู้ที่เคยเป็นอดีต ส.ส.ไม่ได้ลงสนามใหญ่ หันมาจับจองสนามอบจ.แทน
ทั้งหมดนี้ต้องรอดูกัน โดยเฉพาะผลการกระทำที่ทำกันกับประเทศไม่ว่าใครต่อใครที่ผ่านมา มีทั้งหวังดีและหวังร้าย ก็จะส่งผลสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป
นายอุตสาหะ
