| ผู้เขียน | ทรงพร ศรีสุวรรณ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
มีหลายคนกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้ง
บางคนออกอาการไม่พอใจ หลัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
บอกว่า การทิ้งไพ่ตายดังกล่าวจะทำให้การเมืองเป็น “สามก๊ก” คือ 1.พรรคเพื่อไทย 2.พรรคพลังประชารัฐ และ 3.พรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งจะส่งผลให้การเมืองเกิดการเดดล็อก ไม่มีก๊กไหนตั้งรัฐบาลได้
โดยประเมินจากตัวเลข ส.ส.ที่แต่ละก๊กจะได้รับการเลือกตั้งแล้ว จะไม่ถึง 376 เสียง
ยกเว้น จะได้เสียง ส.ว.จำนวนหนึ่งมาสนับสนุน แต่ประเด็นนี้แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะ “พี่ใหญ่” บอกแล้วว่า “เราตั้ง เราก็ต้องคุมให้ได้สิ”
แต่เอาเข้าจริงแล้ว เรื่อง “เดดล็อก” ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์
มองกันว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ ชนะเลือกตั้ง หรือได้รับเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 หรือที่ 2 ก็จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ
เป็นไปไม่ได้ที่พรรคพลังประชารัฐ จะโหวตเลือก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกรัฐมนตรี
ไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับตั้งรัฐบาล
และไม่ว่า พรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์จะรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 250 เสียง ก็เชื่อกันว่า จะเจอทางตันที่ ส.ว.250 คน ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
จะแก้ทางตันโดยให้มี “นายกฯคนนอก” ตามบทเฉพาะกาล รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 ประกอบมาตรา 159 ก็มีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะสูตรที่วางไว้จะผิด
เนื่องจากนายกฯคนนอก คงไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์
ซึ่งหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ ที่รู้จำนวน ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งแล้ว คงวุ่นวายกับการจับขั้วทางการเมือง เพื่อหาเสียงหนุนให้เป็นขั้วใหญ่
ต่างกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ต้องเหนื่อย เพราะเชื่อกันว่า มีอยู่ในกระเป๋าแล้ว 250 เสียง ทำให้สถานะ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ไม่ตกเป็นรองใคร
ทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรียังมีอำนาจเต็มเหมือนเดิม
ยังมีหมวก “หัวหน้า คสช.” ที่เป็น “รัฏฐาธิปัตย์” และมีอำนาจเบ็ดเสร็จตามมาตรา 44
นอกจากนี้ อาจจะมีเหตุหรือปัจจัยที่อาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะก็ได้
